Episodes

Friday Oct 17, 2025
378.หลอมลงไปในความรู้สึก จนแจ่มแจ้ง
Friday Oct 17, 2025
Friday Oct 17, 2025
เวลาพี่เล่าเรื่อง เนื้อเรื่องที่เล่า มันก็แสดงความรู้สึก พี่ต้องรู้ว่าความรู้สึกเกิดขึ้นแล้ว แล้วพี่ก็ต้องไปกับความรู้สึกนั้น
พี่อย่าหลุดจากความรู้สึก เพราะเวลาพี่หลุดปุ๊บ มันจะไปคิดแทน
ทีนี้มันจะเป็นแค่เนื้อเรื่องที่ไม่มีความรู้สึก พี่จะใช้แค่ความจำ การวิเคราะห์มาบอกผม หรือแม้กระทั่งจะแจ่มแจ้งเอง
มันเหมือนจะใช่ แต่มันไม่ใช่
พี่ต้องไปใน Flow นี้ทั้งหมดพร้อมกัน
พี่เข้าใจโครงสร้างชีวิตของพี่แล้ว จากการพิจารณาทางความคิดแบบที่ผ่านมา แต่สิ่งที่พี่ขาดคือ พี่ไม่ลงไปในความรู้สึกนั้นแบบเต็มที่
พี่ลงไปกับความรู้สึกแป๊บนึง พี่ก็จะขึ้นมาแล้ว โผล่หัวขึ้นมาใหม่ แล้วพี่ไม่ยอมจมลงไป พี่ต้องจมลงไป
พี่ต้องรับรู้ความรู้สึกของชีวิตนั้น ไม่ใช่แค่ชิม พี่ต้องสวาปามเลย
การเป็นทั้งหมด มันหมายถึงว่า พี่เป็นเนื้อเดียวกับมัน พี่ไม่ใช่แค่ชิม
พี่หล่อหลอมไปกับมันเลย จนถึงจุดที่ความแจ่มแจ้งเกิดขึ้น
ให้ความแจ่มแจ้งเกิดจากที่นั่น จากการที่พี่หลอมลงไปในความรู้สึกของชีวิตนั้น
#Camouflage
14-08-2568

Thursday Oct 09, 2025
377.อยากแจ่มแจ้งเป็นบ้าง…ต้องทำยังไง
Thursday Oct 09, 2025
Thursday Oct 09, 2025
ก่อนจะแจ่มแจ้งต้องรู้จัก “ความรู้สึก” ข้างในตัวเอง
ก่อนจะแจ่มแจ้งไปที่จุดเริ่มต้นก่อน “เป็นจริงก่อน”
ความแจ่มแจ้งนั้น คู่กับของ “จริง”
เป็นจริงก่อน แล้วความแจ่มแจ้งถึงจะเกิด ไม่ใช่เป็นแบบปลอมแล้วจะแจ่มแจ้ง...แจ่มแจ้งไม่ได้
และถ้าอยู่กับถูก กับผิด แจ่มแจ้งไม่ได้
การด่าไฟแลบ นั่นคือจริง แล้วจะค่อยรู้จักตัวเองได้ ว่าโอ้โห ตัวเรานี่ปากร้าย ปากจัด ปากตลาด
ถึงแม้แม่ได้ลั่นวาจาออกมา แต่เราก็ไม่ใช่ผู้ดี เราแค่เก็บมันไว้ข้างใน แต่จริงๆ แล้ว เราก็มีปากแบบนั้นแหละ
---
ขณะจะพูด แล้วมันคิดไม่ออก มันมีความรู้สึกอยู่ ต้องรู้ ไม่ใช่จะหาคำตอบ
คำตอบไม่สำคัญเท่า ตอนนี้รู้สึกอะไร
เพราะฉะนั้น พูดอะไรอยู่ คิดอะไรอยู่ ทำอะไรอยู่ ต้องรู้ ความรู้สึกตัวเองด้วย
---
ผู้ฟัง : ถ้าเราแจ่มแจ้งบ่อยๆ แบบนี้เนี่ย...
อาจารย์ : ยังไม่ต้องไปที่แจ่มแจ้ง #เป็นจริงให้ได้ก่อน
ผู้ฟัง : แล้วผลมันจะออกมาเป็นยังไง?
อาจารย์ : ไม่ต้องไปที่ผล #เป็นจริงให้ได้ก่อน
สัจธรรมคือ ความจริง ใช่มั้ย? ถ้าแม่เป็นจริงแล้ว จะไปไหนอีกมั้ย?
เช่น ก็แม่ถึงความจริงแล้ว ว่าความจริงแม่เป็นคนปากตลาด หรือความจริงคือรู้สึกร้อนใจอยู่ นี่คือจริงใช่มั้ย แล้วแม่ถามผมต่อว่า ไปไหน? ไม่ได้ไปไหนล่ะ อยู่ที่นี่แหละ นี่คือความจริง
ผู้ฟัง : แล้วจะทำยังไง แม่เป็นคนใจร้อนแบบนี้
อาจารย์ : ไม่ใช่การแก้ไข “เป็นจริง” แค่นี้ก่อนได้มั้ย
เลิกคิดแบบที่จะถามทั้งหมดนั้น ว่าจะแก้ไขยังไง จะทำยังไง แม่ไม่ชอบแบบนี้เลย ...ไม่มีเรื่องแบบนั้น เพราะแม่ทำเรื่องแบบนั้นมาทั้งชีวิตแล้ว ถูกมั้ย? ได้อะไรมั้ย?
ผู้ฟัง : ก็ไม่ได้อะไร
อาจารย์ : เออ ผลประกอบการณ์ชัดเจนว่า ขาดทุน เพราะฉะนั้น เลิก เลิกทำแบบเก่า เลิกคิดแบบเก่า เลิกซะที
เป็นจริงให้ได้ก่อน แล้วเดี๋ยวบันไดขั้นถัดไปมันจะเกิดขึ้นเอง
ความจริงเป็นสิ่งที่รู้ล่วงหน้าไม่ได้ ผมบอกแม่ล่วงหน้าไม่ได้ เพราะถ้าผมบอกแม่ได้ นั่นไม่จริงแล้ว
#Camouflage
09-08-2568

Friday Sep 19, 2025
376.ชีวิตคือความแจ่มแจ้ง
Friday Sep 19, 2025
Friday Sep 19, 2025
บรรยายเมื่อ 21-09-2567
ต้องตระหนักด้วยชีวิตของเราเลยเองว่า ความแจ่มแจ้ง คือ ชีวิต นี่คือสิ่งเดียวที่พึ่งได้
ความแจ่มแจ้ง คือ ความชัดเจน กระจ่างชัดในตัวเอง
ผมพูดว่า ตัวเอง นี่มันเหมือนอัตตา แต่ไม่ใช่
แจ่มแจ้ง กระจ่างชัดในความเป็นทั้งหมดนี้ ว่ามันคืออะไร
พอเรารู้จักแจ่มแจ้ง กระจ่างชัด และชัดเจนในความเป็นทั้งหมดของชีวิตนี้ ว่าอะไรเป็นอะไร
ความสับสน สงสัย ความหวั่นไหวทั้งหมด จะคลายไป จางไป
ต้องจำไว้ว่า ความสับสน หวั่นไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตของคนนั้น เกิดขึ้นได้ เพราะไม่มีความกระจ่างชัดในตัวเอง
เราไปติดอยู่กับว่า เขาไม่เข้าใจเรา เขาเข้าใจเราผิด เขามองเราอย่างนั้น เขามองเราอย่างนี้
จริง ๆ แล้วเราไม่รู้จักตัวเอง
พอเขาพูด เราก็หวั่นไหวตามเขา เพราะอะไร? ก็เพราะเราไม่มั่นใจตัวเอง
พอเค้าพูด เราก็...เอ๊ะ หรือว่าเราเป็นอย่างนั้นนะ
พอเค้าบอกว่า เราดี เราก็มึนๆ งงๆ ไปรับมา
พอไม่ดี เราก็...เฮ้ย อะไรวะ
ทั้งหมดคือ เพราะเราไม่กระจ่างชัดในตัวเอง ไม่รู้ทุกย่างก้าวของชีวิตที่กระทบอะไรเข้ามา
มนุษย์เราไปแก้ปัญหาอยู่ข้างนอก อธิบายโน่นนี่นั่น เราไม่เคยแจ่มแจ้งว่า แท้จริงปัญหา คือตัวเอง เราไม่ชัดเจนกับตัวเอง ว่าอะไรเป็นอะไร
ผมพูดบทสรุปแบบนี้ เหมือนง่าย ๆ นะ แต่กว่าผมจะเจอเนี่ย...ยาก
ทุกคนจะต้องไปรู้ด้วยตัวเองว่า รากเหง้าคือ เราไม่รู้จักตัวเองดีพอ เราคลุมเครือ ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน
เพราะอย่างนี้แหละ ที่ทำให้ชีวิตสับสน สงสัย และขัดแย้ง
แต่มันก็ไม่ใช่ความมั่นใจในตัวเอง ในแบบที่ยึดมั่นถือมั่น ในอัตตาตัวตน ในเชิงอวิชชาแบบนั้น
จึงเป็นคำเปรียบเปรยว่า ของภายนอกทั้งหมดที่กระทบเข้ามาจนถึงภายใน มันก็เปรียบเสมือนความมืด เราไม่ใช่ไปไล่ดับความมืด หรือไปจัดการความมืด เปรียบเสมือนที่เราชอบทำกันในโลกนี้
ผมแค่บอกว่า เราต้องจุดไฟขึ้นมา แค่นั้น และความมืดทั้งหมดจะหายไปเอง
เพราะฉะนั้น มนุษย์เรามีหน้าที่เดียว คือจุดไฟขึ้นมา
ไฟนั้นคือ ความแจ่มแจ้ง ความสว่างของชีวิต แล้วมันจะแก้ปัญหาทุกอย่างของมนุษย์
#Camouflage

Saturday Aug 16, 2025
375.ไม่ต้องช่วย
Saturday Aug 16, 2025
Saturday Aug 16, 2025
บรรยายเมื่อ 23-06-2568
375.ไม่ต้องช่วย
ชีวิต ๆ หนึ่งดูเหมือนว่า จะควรจะมีชีวิตที่แจ่มแจ้ง
คนคนนึงควรจะมีความสามารถในการแจ่มแจ้งชีวิตให้ได้
แต่ความซ้อนกันอยู่ของชีวิตก็คือว่า มันไม่มีเป้าหมายอะไรแบบนั้น
ชีวิตคือ ชีวิตอมิตาพุทธ
ชีวิตคนที่เขาจะแจ่มแจ้ง...เขาจะแจ่มแจ้ง
...
ชีวิตไม่ใช่การช่วย
พระพุทธเจ้าไปทำอะไร ท่านไปชี้ทางให้คนที่พร้อมจะเป็นบัวที่บานอยู่แล้ว มันไม่ใช่การช่วย
พระพุทธเจ้าทำหน้าที่ของตัวเองเฉย ๆ ทำหน้าที่ให้กับคนที่ต้องได้รับการชี้ทางนั้น
ทำหน้าที่ให้กับคนที่ต้องได้รับการชี้ทางนั้น ไม่ใช่การช่วย เราต้องแยกให้ออก
เหมือนพระอาทิตย์มีหน้าที่ส่องแสง แล้วดอกไม้ก็บานได้
พระอาทิตย์ไม่มีหัวใจว่าฉันช่วย แต่หน้าที่ของพระอาทิตย์คือ ต้องส่องแสง เพราะมันคือคุณสมบัติของพระอาทิตย์
คุณสมบัติของพระพุทธเจ้าคือ การชี้ทาง หนีคุณสมบัตินี้ไม่ได้
มันเป็นคุณสมบัติจำเพาะของคนที่เป็นพระพุทธเจ้า เป็นคุณสมบัติจำเพาะของสิ่งที่เรียกว่า ดวงอาทิตย์
...
คนคนนึงอาจจะต้องเดินทางที่เรียกว่าหลงอีกสิบชาติร้อยชาติ เพื่อที่จะรู้จักการแจ่มแจ้งก็ได้ เพราะนั่นคือทางของเค้า
ในท้ายที่สุด ชีวิตทุกชีวิต คือ ความแจ่มแจ้ง
แต่เราไม่ยัดเยียดไปให้กับคนที่ยังไม่พร้อม
ของล้ำค่าที่สุดของชีวิต ให้กับคนที่ไม่เห็นค่า มันก็เป็นของที่ไม่มีค่าในสายตาคนคนนั้น
#Camouflage
23-06-2568

Sunday Aug 10, 2025
374.หมูคือใคร ใครคือหมู
Sunday Aug 10, 2025
Sunday Aug 10, 2025
บรรยายเมื่อ 25-06-2568
อาจารย์ : พี่คือใคร?
พี่หมู : พี่ คือความหลงผิดหรอ?
อาจารย์ : อย่าตอบตามตำราสิ พี่คือใคร?
พี่หมู : พี่ คือ สิ่งที่คิดว่ามีจริง ๆ และเป็นสิ่งที่พี่ผูกพันกับมัน และมีความตั้งใจจะทำให้มันดี จะหาอะไรดี ๆ ให้มัน
พี่ผูกพันกับสิ่งนี้...สิ่งที่อาจารย์บอกว่า มันไม่มี
อาจารย์ : มี ไม่อย่างนั้นพี่จะผูกได้อย่างไร พี่ผูกกับอะไร? พี่เอาอะไรมาผูกด้วยกัน?
พี่หมู : พี่เอาอะไรมาผูกด้วยกันอ่ะ...
อาจารย์ : อะไรคือพี่?
พี่หมู : อะไรคือพี่...พ่อแม่เรียก ก็มีพี่แล้วอ่ะ
อาจารย์ : อะไรคือ พี่? นิสัยมั้ย? นิสัยแบบนี้คือ “หมู” ถูกมั้ย?
พี่หมู : อืม
อาจารย์ : นิสัยแบบไหน ยโสโอหัง?
พี่หมู : อืมค่ะ เห็นแก่ตัว เอาเข้าตัวเอง
อาจารย์ : ยโสโอหัง เห็นแก่ตัว เอาเข้าตัวเอง มันเป็น “หมู” ได้ยังไง?
พี่หมู : มันเกิดขึ้นบ่อย ๆ แล้วพี่บอกว่า นี่คือพี่ เป็นแบบนี้
อาจารย์ : ถ้าเปลี่ยนเป็นคนใจกว้าง ใจเย็น ทำเพื่อส่วนรวม ...ใช่พี่มั้ย?
พี่หมู : ถ้าถามตอนนี้ ก็คือไม่ใช่
อาจารย์ : เพราะฉะนั้น “หมู” ถูกจำกัดความไว้ที่นิสัยหนึ่ง ใช่มั้ย?
พี่หมู : อืม ค่ะ
อาจารย์ : นิสัยใช่ “หมู” มั้ย? หรือ “หมู” เป็นผลผลิตของการรวมกันของทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น นิสัย ความจำ ประสบการณ์ในอดีต การเติบโตขึ้นมา มัดรวมกัน แล้วบอกว่า นี่คือ “หมู”
พี่หมู : ข้อหลังค่ะ
อาจารย์ : เพราะฉะนั้น “หมู” เป็นคำอุปโลกน์ขึ้นมาเฉย ๆ กับของที่เอามามัดรวมกันใช่มั้ย?
พี่หมู : ค่ะ
อาจารย์ : เมื่อของที่เอามามัดรวมกัน จนตั้งชื่อให้มันเสร็จ เราเรียกทั้งหมดนี้ว่า ความหลงผิด ถูกมั้ย?
พี่หมู : ค่ะ
อาจารย์ : มันมัดรวมกันได้ด้วยเชือกนี้ ที่เรียกว่า ความเห็นผิด แล้วก็เลยมีชื่อเรียกขึ้นมาว่า นี่คือ “หมู” ชั้นคือ “หมู”
เพราะฉะนั้น “หมู” เป็นแค่ภาพลวงตาของการมัดทุกสิ่งเข้ามารวมกัน แล้วก็ตั้งชื่อ
แล้วก็จริงจังเหลือเกินว่า “หมู” มีอยู่จริง
ทั้งที่แค่เอาส่วนประกอบอันหนึ่งโยนออกไป ก็ไม่ใช่ “หมู” แล้ว เป็น “หมา”
และถ้าเอาส่วนประกอบอีกอันหนึ่งโยนออกไป ก็เป็น “หมี”
เพราะฉะนั้น “หมู” คืออะไร?
“หมู” คือ สิ่งที่ไร้แก่นสารมาก เพราะมันต้องมัดรวมทุกอย่างเอาไว้ ให้ครบถ้วน ถึงจะได้ชื่อว่าเป็น “หมู” ได้
และถ้าเอาอะไรออกไป มันก็ไม่ได้เป็น “หมู” แล้ว เป็น “หมา” แทน
“หมู” ก็กลุ้มใจแล้ว เฮ้ย…มันไม่เป็น “หมู” แล้วอ่ะ นี่มันไม่ใช่ “หมู” เพราะ “หมู” อยากให้เป็น “หมู” เหมือนเดิม ใช่มั้ย
มันหลงผิดกันได้ไปเรื่อย ๆ แบบนี้
จนกระทั่ง ต้องไปปฏิบัติธรรม ให้ “หมู” หลุดพ้น ให้ “หมู” แจ่มแจ้ง ... ประสาทมั้ย?
พี่หมู : ทำอยู่แค่นี้
อาจารย์ : อื้ม ทำทั้งชีวิต
เพราะฉะนั้น เริ่มต้น เราต้องเข้าใจก่อนว่า มันไม่มีคนคนนั้น
คำถามที่เราจะต้องถามตัวเอง ก็คือว่า เราปฏิบัติธรรมไปทำไม? ทำไมต้องปฏิบัติ?
แล้วถ้าไม่ปฏิบัติธรรมล่ะ ชีวิตจะเป็นยังไง?
พี่หมู : ก็คงดีแหละ
อาจารย์ : ฮืมมม คิดนิดนึง
ถ้าไม่ปฏิบัติธรรม...พี่ก็คิดถึงชีวิตพี่เมื่อก่อนนี้สิ เป็นยังไง ดีมั้ย?
พี่หมู : ฮ่าฮ่าฮ่า ... ก็บันเทิง สมใจอยาก
อาจารย์ : อื้ม แล้วพี่ก็หลงความเป็น “หมู” เหมือนเดิม ถูกมั้ย?
พี่หมู : ถูกค่ะ
อาจารย์ : “หมู” ก็ยังอยู่ “หมู” ก็ยังเป็นจริงเป็นจังเหมือนเดิม ถูกมั้ย?
พี่หมู : ถูกค่ะ
อาจารย์ : แล้วทำยังไง ถ้างั้น?

Monday Aug 04, 2025

Thursday May 01, 2025

Monday Apr 21, 2025
371.เอาแต่ใจ
Monday Apr 21, 2025
Monday Apr 21, 2025
บรรยายเมื่อ 19-04-2568
การรับรู้ คือหัวใจที่เป็นอิสระ เป็นปกติ
มีปกติที่จะรับรู้มันอย่างเต็มที่ ว่ามันเป็นยังไง
ให้อิสรภาพกับมันในการเบ่งบาน
ให้มันแสดงอย่างเต็มที่ในใจนี้ ว่ามันเป็นยังไง
ถ้าเรารับรู้อยู่ มันเป็นการควบคุมพฤติกรรมโดยอัตโนมัติ ที่ไม่ใช่เราสั่ง ว่าเราจะไม่ทำแบบนั้น
มันไม่ใช่เราควบคุม
แต่การรับรู้ความรู้สึกนั่นเอง มันจะควบคุมตัวมันเอง เพราะมันมีฟังก์ชันที่ต้องรับรู้ความรู้สึก ไม่ใช่ออกไปทำอะไร

Sunday Apr 20, 2025

Wednesday Apr 16, 2025

Thursday Jan 30, 2025
368.จุดสูงสุงของชีวิตคือความไม่รู้, พระพุทธเจ้าคือทาง
Thursday Jan 30, 2025
Thursday Jan 30, 2025
บรรยายเมื่อ 25-01-2568
ชีวิตที่เป็นปัจจุบัน เป็น Stand Alone และมีความสัมพันธ์ในขณะนั้น เท่านั้น
เราไม่ได้พยายามขจัดความกลัว แต่ชีวิตในรูปแบบนี้ มันไม่มีความกลัว
แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เราพยายามทำให้เป็นแบบนี้
มันไม่มีทางจะไปถึงที่พูดนี้ได้ มันไม่ใช่เส้นทาง
มันเป็นแค่ความแจ่มแจ้งชีวิตทั้งหมด ว่ามันคืออะไร
...
ลึกๆ ของเราทุกคน เราต้องการไปสู่จุดหมายอันหนึ่ง
จุดสูงสุดของชีวิตหรือสรรพสิ่งทั้งหมด คือ ความไม่รู้ ซึ่งไม่ใช่อวิชชา
ความไม่รู้นั่นเอง คือ ปัจจุบัน
…
พระพุทธเจ้าคือทาง เป็นตัวแทนของเส้นทาง
คำสอนอริยสัจ 4 คือเส้นทาง และบอกให้เราทุกคนรู้ว่า เราทุกคนคือเส้นทางเหมือนกัน
นั้นหมายความว่า เราทุกคนเป็นเส้นทาง ด้วยตัวของเราเองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องยึดตัวอย่างที่เป็นทางนั้น เพราะเราทุกคนเป็นได้
พระพุทธเจ้า เป็นตัวอย่างของการเป็นทาง
เวลาเราพูดถึงพระพุทธเจ้า เรามีหัวใจและความรู้สึกต่อพระพุทธเจ้า ในแบบที่ซาบซึ้ง ในแบบที่มีความสัมพันธ์และความเคารพอย่างลึกซึ้ง
สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ ทำชีวิตให้เป็นทางเหมือนท่าน แค่นั้น ไม่ใช่ยึดท่าน
ท่านมาเป็นตัวอย่างของการเป็นทาง ให้เราเห็น
เราแค่ต้อง ทำตัวเองให้เป็นทาง ให้ได้
และเมื่อชีวิตเราเป็นทางเหมือนตัวอย่างนั้นแล้ว
ความยึดตัวอย่างนั้น ในแบบมิจฉาทิฏฐิ ก็จะไม่มี
เพราะเราได้ทำหน้าที่ของความเป็นลูกหลานได้อย่างสมบูรณ์ เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
ไม่มีอะไรจะต้องยึดอีกต่อไป เพราะเราก็คือท่าน
#Camouflage
25-01-2568

Wednesday Nov 20, 2024
367.ให้ชีวิตใหม่ดำเนิน
Wednesday Nov 20, 2024
Wednesday Nov 20, 2024
บรรยายเมื่อ 16-11-2024
ความปลอดภัยที่สูงสุด คือ ความไม่ต้องแสวงหาอะไรเลย
ไว้ใจธรรมชาติที่เป็นอยู่ทั้งหมดของชีวิตในตอนนี้ ... ไว้ใจมัน
ไว้ใจการนอนไม่หลับ อย่าตัดสินมัน ว่ามันเป็นอาการป่วย หรือเป็นสิ่งที่ไม่ดี
ไว้ใจสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ทั้งหมด
นอนไม่หลับ ก็นอนไม่หลับ
ไว้ใจว่า ชีวิตในขณะนี้ปลอดภัยที่สุดแล้ว กับการเป็นแบบนี้ เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับชีวิตนี้แล้ว ในขณะนี้
ไว้ใจสิ่งที่เป็นอยู่ทั้งหมด นั่นคือความมั่นคงปลอดภัยที่สุด ไม่ใช่พยายามแก้ให้เป็นไปอย่างที่เราคิด
ความไว้ใจ กับขณะนี้ ที่เป็นอยู่ทั้งหมดนี้ ไม่มีความคาดหวัง
ถ้ามันคาดหวัง ว่ามันจะดีกว่าตอนนี้ นั่นแปลว่า ไม่ไว้ใจ
ความไว้ใจเป็นตัวแทนของความรัก
หัวใจที่มีความรัก จึงจะสามารถไว้ใจได้
แต่เพราะหัวใจที่ขาด จึงไม่สามารถไว้ใจสิ่งที่เป็นอยู่ทั้งหมดได้
หัวใจที่ขาด เป็นคุณสมบัติของหัวใจที่ไม่ไว้ใจ จึงเป็นคุณสมบัติของหัวใจที่แสวงหาของมาเติมเต็ม
เพราะฉะนั้น ถ้าเราเป็นหัวใจที่ขาด เราจึงต้องแสวงหา
และถ้าเราไม่เห็นแบบนี้ มันก็จะขาด...ไม่ไว้ใจ และก็แสวงหา วนไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น
ตอนนี้เหลืออยู่ทางเดียว คือ ต้องเปลี่ยนหัวใจ
จากหัวใจที่ขาดความรัก เป็นหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก ซึ่งนั่นหมายถึง ความไว้ใจต่อสิ่งที่เป็นอยู่ทั้งหมดในขณะนี้ แค่นั้น
ถาม : ก็คือให้กลับมารักตัวเอง?
ตอบ : ไม่ใช่ตัวเอง แต่รักสิ่งที่เป็นอยู่ทั้งหมดในขณะนี้ ไว้ใจให้มันเป็นไป
ความไว้ใจ ไม่ใช่เพียงแค่ ไว้ใจการนอนไม่หลับ แต่ไว้ใจความกลัวที่เกิดขึ้นด้วย ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น
ให้ใจเหมือนแผ่นดิน คือหมายความว่า ปลูกอะไรก็งอกงาม
ความกลัวก็งอกงาม ความกังวลก็งอกงาม ...ต่างๆ งอกงาม ใจกว้างให้มันงอกงาม
ไม่ต้องไปพยายามจะขจัดมันทิ้ง หรือจัดการมัน หรือทำอะไรกับมันทั้งนั้น
ดูมันงอกงาม แค่นั้น
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอะไรงอกงามในผืนแผ่นดินนี้ จะเป็นสิ่งที่เราชอบหรือไม่ชอบ ดูมันเฉยๆ ให้มันงอกงาม
ไม่ต้องคาดหวังอะไรทั้งนั้น ว่าเดี๋ยวมันคงหายไปมั้ง เดี๋ยวมันคงดับไปมั้ง เดี๋ยวมันคงดีขึ้น... ไม่ต้อง
ถ้าเป็นแบบนั้น แปลว่า ใจไม่กว้างพอ ใช่มั้ย
ใจกว้างๆ ไปเลย ให้มันงอกงามไป
เราแค่รับรู้ ความเป็นไปของมัน แค่นั้น
ไม่ต้องไปตัดสินมัน
เพราะทันทีที่เราตัดสิน ว่าอันนี้เป็นความกลัว อันนี้เป็นความนอนไม่หลับ มันจะทันทีเลย แล้วบอกว่าอันนี้ไม่ดี ไม่อยากเป็นแบบนี้ และนั่นแหละ ปัญหาเกิดขึ้นที่ตรงนั้น
ใจเราไม่กว้างอีกแล้ว ไม่ไว้ใจอีกแล้ว
ให้มันเติบโตขึ้นมา ดูมันเหมือนดูละคร ให้มันแสดง ดูซิมันจะแสดงอะไรบ้าง
เราแค่อยู่เฉยๆ นอนดูไป สบายจะตาย เหมือนนอนดูหนัง
….
มีหลายมุมให้มอง อย่าใช้ชีวิตตามความเคยชิน...มันคับแคบ
ความรู้ทุกความรู้ รู้แล้ว จะต้องทิ้งไป
เพราะถ้าเราเก็บมันไว้ ในมุมนึงที่ผมเคยบอกว่า มันคืออดีต แล้วเอามาใช้ในปัจจุบัน
แต่ในมุมวันนี้ที่ผมพูด อีกมุมนึงให้เห็นก็คือ ความรู้นั้น ไม่ว่ามันจะดีแค่ไหนในการมองปัญหา มันจะเป็นความเคยชิน และทำให้การมองปัญหาทั้งหมดคับแคบทันที
ไม่ว่าความรู้นั้น จะกว้างแค่ไหนก็ตาม มันก็แคบ
การเผชิญกับสถานการณ์ ในแต่ละขณะอย่างเป็นปัจจุบัน นั่นคือความใหม่ที่สุด นั่นคือการที่ไม่ได้ยึดถือองค์ความรู้อะไรเอาไว้
เราจะมองปัญหาขณะนี้ ใหม่ที่สุด
แล้วฟังเสียงของปัญญานั้น
แต่ถ้าไม่มีเสียงของปัญญา ก็อย่าเพิ่งทำอะไร
เพราะฉะนั้น อย่าทำอะไรที่เป็นความเคยชิน เพราะนั่นเป็นแค่การ Repeat ของเก่าๆ ซ้ำไป ซ้ำมา
แล้วพอของเก่า มันเข้ามากินพื้นที่ชีวิตแล้ว ของใหม่ก็เกิดไม่ได้
เราก็จะได้รสชาติแต่ของเก่าๆ ที่เราเป็น
แล้วเราก็อาจจะเบื่อ เซ็ง ทุกข์ กลัว สารพัดที่จะเกิดขึ้น
หลังจากนั้น เราก็ใช้หัวใจนั้น แสวงหา แก้ปัญหา Action ต่างๆ นานา
ทั้งที่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่การแก้ปัญหา หรือแสวงหาอะไรจากหัวใจอันนั้น
แต่เพียงแค่เลิกใช้หัวใจอันนั้นเฉยๆ
แล้ว Action ใหม่ในชีวิตจะเกิดขึ้นเอง
#Camouflage
16-11-2024

Sunday Nov 10, 2024

Wednesday Oct 30, 2024
365.สมองกับหัวใจ
Wednesday Oct 30, 2024
Wednesday Oct 30, 2024
ทำยังไงที่จะทำให้ หัวใจไม่อยู่ภายใต้สมอง?
ที่ผมเคยสอนตั้งแต่ในอดีต ผมพูดอยู่เสมอว่า “เราทุกคนต้องมีปัญญานำชีวิต”
และปัญญานำชีวิตนั้น เกิดขึ้นจากจิตที่มันว่าง
จิตที่ว่าง ไม่ใช่ว่างเปล่า แต่หมายถึง เป็นจิตที่พ้นจากความเชื่อทั้งหมด ที่ผมให้ทุกคนแจ่มแจ้ง
เพราะฉะนั้น จะมาถึงจิตที่ว่าง (ซึ่งเป็นสมมติชื่อนี้) นั่นหมายถึงว่า มนุษย์คนนึงต้องแจ่มแจ้งสิ่งหลอกลวงทั้งหมด ความเชื่อทั้งหมด ความกลัวทั้งหมด ความอยู่ในอดีต อนาคตทั้งหมด ความเคยชินทั้งหมด ความหลงทั้งหมด
เราถึงจะมีจิตนั้นได้ ที่เรียกว่า วัตถุดิบ ที่เป็นที่ก่อเกิดแห่งปัญญานำชีวิต และนั่นคือหัวใจ
ปัญญาคือหัวใจ ไม่ใช่สมอง
สมองเป็นแค่ความกลัว เขาถึงเรียกว่า กลัวจนขี้ขึ้นสมอง กลัวตาย กลัวป่วย กลัวเจ็บ กลัวจะเป็นอย่างนั้น กลัวจะเป็นอย่างนี้ เหล่านี้ทั้งหมดเป็นแค่ความเคยชินของสมองที่จะบีบให้เราทำนี่ ทำนั่น จนเป็นบ้า
แล้วเราก็อยู่ในความเคยชินเก่าๆ ไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิตจนตาย เราก็จะทำอย่างนี้แหละ
เพราะฉะนั้น เราจะไม่มีวันพบแสงสว่างของปัญญาในการดำเนินชีวิต เพราะเราเคยชินจะอยู่กับของเก่า
...
เราเคยชินจะทำตามความกลัว เพราะความกลัวจะให้ความรู้สึกปลอดภัย
นั่นหมายถึงว่า เราไม่เคยมีชีวิตที่ไร้ขีดจำกัด
คำว่า “ไร้ขีดจำกัด” นั่นคืออิสรภาพ นั่นคือความเปิดกว้างมากที่จะให้สิ่งใหม่เกิดขึ้นในชีวิตได้
เพราะว่าสิ่งใหม่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าชีวิตอยู่ในความเคยชินของความกลัว มันจะเป็นแค่การรีไซเคิลของเก่า
กลัวปุ๊บ ก็จะคิดแต่ของเก่า แล้วก็รีไซเคิล แล้วก็ทำใหม่ ทำใหม่ และคิดว่ามันเป็นอันใหม่
แต่จริงๆ มันไม่ใหม่ มันเก่า
จะรีไซเคิลอีกที มันก็เก่า
#Camouflage
25-10-2567

Thursday Oct 24, 2024
364.เป็นแสงสว่างให้กับตัวเองได้…แค่นั้น
Thursday Oct 24, 2024
Thursday Oct 24, 2024
บรรยายเมื่อ 24-08-2567

