Episodes
10 hours ago
367.ให้ชีวิตใหม่ดำเนิน
10 hours ago
10 hours ago
บรรยายเมื่อ 16-11-2024
ความปลอดภัยที่สูงสุด คือ ความไม่ต้องแสวงหาอะไรเลย
ไว้ใจธรรมชาติที่เป็นอยู่ทั้งหมดของชีวิตในตอนนี้ ... ไว้ใจมัน
ไว้ใจการนอนไม่หลับ อย่าตัดสินมัน ว่ามันเป็นอาการป่วย หรือเป็นสิ่งที่ไม่ดี
ไว้ใจสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ทั้งหมด
นอนไม่หลับ ก็นอนไม่หลับ
ไว้ใจว่า ชีวิตในขณะนี้ปลอดภัยที่สุดแล้ว กับการเป็นแบบนี้ เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับชีวิตนี้แล้ว ในขณะนี้
ไว้ใจสิ่งที่เป็นอยู่ทั้งหมด นั่นคือความมั่นคงปลอดภัยที่สุด ไม่ใช่พยายามแก้ให้เป็นไปอย่างที่เราคิด
ความไว้ใจ กับขณะนี้ ที่เป็นอยู่ทั้งหมดนี้ ไม่มีความคาดหวัง
ถ้ามันคาดหวัง ว่ามันจะดีกว่าตอนนี้ นั่นแปลว่า ไม่ไว้ใจ
ความไว้ใจเป็นตัวแทนของความรัก
หัวใจที่มีความรัก จึงจะสามารถไว้ใจได้
แต่เพราะหัวใจที่ขาด จึงไม่สามารถไว้ใจสิ่งที่เป็นอยู่ทั้งหมดได้
หัวใจที่ขาด เป็นคุณสมบัติของหัวใจที่ไม่ไว้ใจ จึงเป็นคุณสมบัติของหัวใจที่แสวงหาของมาเติมเต็ม
เพราะฉะนั้น ถ้าเราเป็นหัวใจที่ขาด เราจึงต้องแสวงหา
และถ้าเราไม่เห็นแบบนี้ มันก็จะขาด...ไม่ไว้ใจ และก็แสวงหา วนไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น
ตอนนี้เหลืออยู่ทางเดียว คือ ต้องเปลี่ยนหัวใจ
จากหัวใจที่ขาดความรัก เป็นหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก ซึ่งนั่นหมายถึง ความไว้ใจต่อสิ่งที่เป็นอยู่ทั้งหมดในขณะนี้ แค่นั้น
ถาม : ก็คือให้กลับมารักตัวเอง?
ตอบ : ไม่ใช่ตัวเอง แต่รักสิ่งที่เป็นอยู่ทั้งหมดในขณะนี้ ไว้ใจให้มันเป็นไป
ความไว้ใจ ไม่ใช่เพียงแค่ ไว้ใจการนอนไม่หลับ แต่ไว้ใจความกลัวที่เกิดขึ้นด้วย ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น
ให้ใจเหมือนแผ่นดิน คือหมายความว่า ปลูกอะไรก็งอกงาม
ความกลัวก็งอกงาม ความกังวลก็งอกงาม ...ต่างๆ งอกงาม ใจกว้างให้มันงอกงาม
ไม่ต้องไปพยายามจะขจัดมันทิ้ง หรือจัดการมัน หรือทำอะไรกับมันทั้งนั้น
ดูมันงอกงาม แค่นั้น
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอะไรงอกงามในผืนแผ่นดินนี้ จะเป็นสิ่งที่เราชอบหรือไม่ชอบ ดูมันเฉยๆ ให้มันงอกงาม
ไม่ต้องคาดหวังอะไรทั้งนั้น ว่าเดี๋ยวมันคงหายไปมั้ง เดี๋ยวมันคงดับไปมั้ง เดี๋ยวมันคงดีขึ้น... ไม่ต้อง
ถ้าเป็นแบบนั้น แปลว่า ใจไม่กว้างพอ ใช่มั้ย
ใจกว้างๆ ไปเลย ให้มันงอกงามไป
เราแค่รับรู้ ความเป็นไปของมัน แค่นั้น
ไม่ต้องไปตัดสินมัน
เพราะทันทีที่เราตัดสิน ว่าอันนี้เป็นความกลัว อันนี้เป็นความนอนไม่หลับ มันจะทันทีเลย แล้วบอกว่าอันนี้ไม่ดี ไม่อยากเป็นแบบนี้ และนั่นแหละ ปัญหาเกิดขึ้นที่ตรงนั้น
ใจเราไม่กว้างอีกแล้ว ไม่ไว้ใจอีกแล้ว
ให้มันเติบโตขึ้นมา ดูมันเหมือนดูละคร ให้มันแสดง ดูซิมันจะแสดงอะไรบ้าง
เราแค่อยู่เฉยๆ นอนดูไป สบายจะตาย เหมือนนอนดูหนัง
….
มีหลายมุมให้มอง อย่าใช้ชีวิตตามความเคยชิน...มันคับแคบ
ความรู้ทุกความรู้ รู้แล้ว จะต้องทิ้งไป
เพราะถ้าเราเก็บมันไว้ ในมุมนึงที่ผมเคยบอกว่า มันคืออดีต แล้วเอามาใช้ในปัจจุบัน
แต่ในมุมวันนี้ที่ผมพูด อีกมุมนึงให้เห็นก็คือ ความรู้นั้น ไม่ว่ามันจะดีแค่ไหนในการมองปัญหา มันจะเป็นความเคยชิน และทำให้การมองปัญหาทั้งหมดคับแคบทันที
ไม่ว่าความรู้นั้น จะกว้างแค่ไหนก็ตาม มันก็แคบ
การเผชิญกับสถานการณ์ ในแต่ละขณะอย่างเป็นปัจจุบัน นั่นคือความใหม่ที่สุด นั่นคือการที่ไม่ได้ยึดถือองค์ความรู้อะไรเอาไว้
เราจะมองปัญหาขณะนี้ ใหม่ที่สุด
แล้วฟังเสียงของปัญญานั้น
แต่ถ้าไม่มีเสียงของปัญญา ก็อย่าเพิ่งทำอะไร
เพราะฉะนั้น อย่าทำอะไรที่เป็นความเคยชิน เพราะนั่นเป็นแค่การ Repeat ของเก่าๆ ซ้ำไป ซ้ำมา
แล้วพอของเก่า มันเข้ามากินพื้นที่ชีวิตแล้ว ของใหม่ก็เกิดไม่ได้
เราก็จะได้รสชาติแต่ของเก่าๆ ที่เราเป็น
แล้วเราก็อาจจะเบื่อ เซ็ง ทุกข์ กลัว สารพัดที่จะเกิดขึ้น
หลังจากนั้น เราก็ใช้หัวใจนั้น แสวงหา แก้ปัญหา Action ต่างๆ นานา
ทั้งที่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่การแก้ปัญหา หรือแสวงหาอะไรจากหัวใจอันนั้น
แต่เพียงแค่เลิกใช้หัวใจอันนั้นเฉยๆ
แล้ว Action ใหม่ในชีวิตจะเกิดขึ้นเอง
#Camouflage
16-11-2024
Sunday Nov 10, 2024
Wednesday Oct 30, 2024
365.สมองกับหัวใจ
Wednesday Oct 30, 2024
Wednesday Oct 30, 2024
ทำยังไงที่จะทำให้ หัวใจไม่อยู่ภายใต้สมอง?
ที่ผมเคยสอนตั้งแต่ในอดีต ผมพูดอยู่เสมอว่า “เราทุกคนต้องมีปัญญานำชีวิต”
และปัญญานำชีวิตนั้น เกิดขึ้นจากจิตที่มันว่าง
จิตที่ว่าง ไม่ใช่ว่างเปล่า แต่หมายถึง เป็นจิตที่พ้นจากความเชื่อทั้งหมด ที่ผมให้ทุกคนแจ่มแจ้ง
เพราะฉะนั้น จะมาถึงจิตที่ว่าง (ซึ่งเป็นสมมติชื่อนี้) นั่นหมายถึงว่า มนุษย์คนนึงต้องแจ่มแจ้งสิ่งหลอกลวงทั้งหมด ความเชื่อทั้งหมด ความกลัวทั้งหมด ความอยู่ในอดีต อนาคตทั้งหมด ความเคยชินทั้งหมด ความหลงทั้งหมด
เราถึงจะมีจิตนั้นได้ ที่เรียกว่า วัตถุดิบ ที่เป็นที่ก่อเกิดแห่งปัญญานำชีวิต และนั่นคือหัวใจ
ปัญญาคือหัวใจ ไม่ใช่สมอง
สมองเป็นแค่ความกลัว เขาถึงเรียกว่า กลัวจนขี้ขึ้นสมอง กลัวตาย กลัวป่วย กลัวเจ็บ กลัวจะเป็นอย่างนั้น กลัวจะเป็นอย่างนี้ เหล่านี้ทั้งหมดเป็นแค่ความเคยชินของสมองที่จะบีบให้เราทำนี่ ทำนั่น จนเป็นบ้า
แล้วเราก็อยู่ในความเคยชินเก่าๆ ไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิตจนตาย เราก็จะทำอย่างนี้แหละ
เพราะฉะนั้น เราจะไม่มีวันพบแสงสว่างของปัญญาในการดำเนินชีวิต เพราะเราเคยชินจะอยู่กับของเก่า
...
เราเคยชินจะทำตามความกลัว เพราะความกลัวจะให้ความรู้สึกปลอดภัย
นั่นหมายถึงว่า เราไม่เคยมีชีวิตที่ไร้ขีดจำกัด
คำว่า “ไร้ขีดจำกัด” นั่นคืออิสรภาพ นั่นคือความเปิดกว้างมากที่จะให้สิ่งใหม่เกิดขึ้นในชีวิตได้
เพราะว่าสิ่งใหม่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าชีวิตอยู่ในความเคยชินของความกลัว มันจะเป็นแค่การรีไซเคิลของเก่า
กลัวปุ๊บ ก็จะคิดแต่ของเก่า แล้วก็รีไซเคิล แล้วก็ทำใหม่ ทำใหม่ และคิดว่ามันเป็นอันใหม่
แต่จริงๆ มันไม่ใหม่ มันเก่า
จะรีไซเคิลอีกที มันก็เก่า
#Camouflage
25-10-2567
Thursday Oct 24, 2024
364.เป็นแสงสว่างให้กับตัวเองได้…แค่นั้น
Thursday Oct 24, 2024
Thursday Oct 24, 2024
บรรยายเมื่อ 24-08-2567
Wednesday Oct 23, 2024
Thursday Sep 05, 2024
Friday May 10, 2024
361.ความครอบงำที่ลึกที่สุด
Friday May 10, 2024
Friday May 10, 2024
บรรยายเมื่อ 05-05-2567
ผมแค่ต้องการมีชีวิตที่ ไม่ถูกอิทธิพลของความไม่จริงครอบงำชีวิต แค่นั้น
เราใช้คำว่า ครอบงำ แปลว่าของที่มาครอบงำนั้น ต้องเป็นของที่ไม่จริง
เช่น ตอนนี้มีกิเลส แล้วผมมีความคิดว่า ผมจะทำยังไงดี ที่จะไม่มีกิเลสตัวนี้ซักทีนึง
สำหรับผม วิธีคิดแบบนี่แหละ คือความครอบงำ
และผมเห็นความครอบงำนั้น ทันทีที่เห็น ผมก็พ้นจากความครอบงำนั้น
แล้วผมจึงมีความสามารถที่จะเผชิญกับกิเลสได้อย่างแท้จริง
และผมศึกษามัน เรียนรู้มัน ว่ามันคืออะไร และนี่คือความสามารถที่เรียกว่า การเห็นตามเป็นจริง
...
ความไม่ทุกข์ มันง่าย ๆ มันมีอยู่แล้ว
มันไม่ใช่การที่ใครสักคนกำลังปฏิบัติเพื่อจะไปถึงที่นั่น เพราะที่นั่นมันมีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปพยายามหาทางจะไปถึง
แต่สิ่งที่มันมีอยู่ในชีวิตของคนคนหนึ่ง ซึ่งมีมากกว่าความไม่ทุกข์ นั่นคือความทุกข์ คือกิเลสทั้งหลายที่มีอยู่นี้
เรามีความสามารถจะเข้าใจมันได้มั้ย ?
จะแจ่มแจ้งมันได้มั้ย ว่ามันคืออะไร ?
ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้รู้ทุกข์ เรารู้มั้ย?
ทุกวันนี้เรารู้ทุกข์มั้ย?
หรือมัวแต่สนใจแต่จะรู้สภาพที่ไม่ทุกข์
สภาพไม่ทุกข์ ... ไม่ต้องทำ
ผมชี้ให้เห็นเลยว่า มันมีอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไรเลย
เบื้องต้น ผมชี้ให้เห็น เพื่อให้คนเหล่านั้นออกมาจากการปฏิบัติ ที่มีหัวใจที่จะแสวงหาความพ้นทุกข์ ซึ่งไม่ต้องทำแบบนั้น มันมีอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ต้องทำ คือ แจ่มแจ้งสิ่งที่มีอยู่ ที่มันอยู่ในชีวิตเรา ที่มันให้ทุกข์ ให้สุข ให้ความรู้สึกต่าง ๆ
แจ่มแจ้งมันว่า มันคืออะไร
นี่คืองานของเรา
#Camouflage
05-05-2567
Friday May 03, 2024
360.ไม่เป็นอะไร กับอะไร ที่แท้จริง
Friday May 03, 2024
Friday May 03, 2024
บรรยายเมื่อ 21-04-2567
ความไม่เป็นอะไร กับอะไร แท้จริงมันคืออะไร?
คือความสามารถของชีวิตที่จะเป็นได้ทุกอย่าง โดยที่ไม่มีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นเลย
ถ้านักปฏิบัติธรรมเราคนนึงมีความโกรธเกิดขึ้นในใจ อย่างรุนแรง อย่างปานกลาง อย่างเล็กน้อย
สังเกตไหมว่า เรามีความเห็นต่อความมีอยู่ของมัน ในเชิงของการประเมิน ตัดสิน
เหล่านั้นทั้งหมด คือ #ความขัดแย้ง
ปัญหาถัดไปก็คือว่า ทำไมถึงเกิดความขัดแย้งขึ้นภายใน?
เพราะชีวิตนั้น ยังมืดบอดด้วยอวิชชา
ซึ่งความมืดบอดนั้นคือ ทิฏฐิ ความเชื่อ สิ่งที่ควรจะเป็น คืออนาคต คือการตัดสินอะไรต่าง ๆ มากมาย
และความขัดแย้งภายในนั้นเอง คือความที่ชีวิตไม่มี #ความกระจ่างชัด
ความกระจ่างชัดของชีวิตนี้มีอยู่แล้ว โดยเนื้อแท้ของชีวิตเป็นความกระจ่างชัด
แต่มันถูกปกคลุมด้วยความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากอวิชชาในรูปแบบต่าง ๆ
และนี่คือเหตุผลที่ทำไมคนคนนึง จึงต้องมี #ความแจ่มแจ้งต่อทุกย่างก้าวของชีวิต
ความแจ่มแจ้งนั้นเอง คือ ขณะแห่งการขัดเกลา
ความแจ่มแจ้งในขณะนั้นเอง คือ ขณะแห่งการจบสิ้นความขัดแย้งของชีวิต
และผมไม่ได้ Demand ต้องการ ให้ใครสักคนหนึ่งไปฝึกอะไร แล้วถึงค่อยมาแจ่มแจ้ง
เพราะความแจ่มแจ้งนั้น สามารถเริ่มต้นได้ทันที ตั้งแต่ขณะนี้
เรามีวัตถุดิบทุกอย่างพร้อมอยู่เสมอที่จะแจ่มแจ้ง
ถ้าเราพูดในเชิงสัมพัทธ์ เราประเมินตัวเองว่า เราวัตถุดิบน้อย
ผมบอกว่า ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มจากเรื่องทุกเรื่อง ที่เล็กๆ
การคิด...ทำไมคิดแบบนี้ ?
การพูด...ทำไมพูดแบบนี้ ?
การทำ...ทำไมทำแบบนี้ ?
การตอบโต้ Response Reaction ต่างๆ…ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมถึงมีการ Action แบบนี้ ?
เราไม่ต้องการวัตถุดิบอะไรเลยในแบบที่เราพยายามจะฝึกกัน ต้องการใช้อย่างเดียว คือ #ความใส่ใจต่อชีวิตนี้
และผมบอกว่า ทุกคนมีสมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว มันอยู่ที่เราจะใส่ใจมั้ย แค่นั้น
...
ความเป็นคนดี ก็ยากระดับหนึ่ง
ความเป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่อง ก็ยากอีกระดับหนึ่ง
แต่ความสามารถในการเป็นทุกอย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีความขัดแย้ง นั่นคือสิ่งที่ยากที่สุด
คนดี ไม่อยากเป็นคนไม่ดี
คนบริสุทธิ์ ไม่อยากเป็นคนไม่บริสุทธิ์
มันจึงเป็นเรื่องยากเหลือเกินสำหรับคนเหล่านี้ ที่จะสามารถเป็นทุกอย่าง อย่างสมบูรณ์ได้
เราเลือกจะเป็นความไม่เป็นอะไร กับอะไรได้ ซึ่งยังง่ายกว่า ความเป็นทุกอย่าง อย่างสมบูรณ์ได้
#Camouflage
21-04-2567
Saturday Apr 27, 2024
359.ชีวิตที่ไม่ต้องเลือก
Saturday Apr 27, 2024
Saturday Apr 27, 2024
บรรยายเมื่อ 06-04-2567
ชีวิตเราเลือกสิ่งต่าง ๆ ด้วยเหตุผล ด้วยการได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์ ดีหรือไม่ดี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต
แต่ส่วนที่สำคัญกว่า คือ การเท่าทันสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั้งหมด หรือที่ผมสอนว่า “แจ่มแจ้ง”
แล้วปัญญา หรือทิศทางที่จะรู้ว่าต้องเลือกไปทางไหน จึงจะเกิดขึ้น
และนั่นหมายความว่า มันจะเกิดชีวิตที่ไม่ต้องเลือก
เพราะมันเป็นสิ่งที่แจ่มแจ้งอยู่แล้ว ว่าจะต้องเลือกแบบไหน
ทำไมเราต้องมีชีวิตที่แจ่มแจ้ง?
เพราะชีวิตเป็นความสับสนอยู่ตลอดเวลา กับสิ่งต่าง ๆ ที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย
และเราต้องเลือกอยู่เสมอในชีวิตของเรา
เราต้องเห็นโครงสร้างใหญ่แบบนี้
ชีวิตของเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ และตลอดชีวิตของเราต้องเลือก และเราเลือกด้วยการชั่งน้ำหนักของเหตุผลต่าง ๆ นานา
ซึ่งเหตุผลก็เป็นความกระจ่าง ในสิ่งที่เราตัดสินใจในระดับหนึ่ง ซึ่งมนุษย์เราก็ใช้วิธีนั้นมาตลอด เพื่อจะตอบตัวเองได้ ตอบคนอื่นได้ ในการที่เราเลือกทำอะไรสักอย่างนึง
ถ้าเราสัมผัสจริง ๆ รู้สึกจริง ๆ เราจะรู้ได้ว่า การใช้เหตุผลในการเลือกทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ลึก ๆ มันก็ยังเป็นความสับสนอยู่เหมือนกัน ว่าจริง ๆ แล้วมันถูกไหม
เพราะเราจะพบว่า เหตุผลของเรา กับเหตุผลของคนอื่น ไม่เหมือนกัน
ถ้าคนที่เค้าเชื่อเหมือน ๆ เรา เค้าก็อาจจะคิดเหมือนกับเรา แต่คนที่เค้าเชื่อไม่เหมือนเรา เค้าก็คิดอีกอย่างหนึ่ง
ถ้าเราเห็นโครงสร้างแบบนี้ของชีวิต เราก็จะพบว่า ชีวิตนั้นจะพึ่งพาแต่ความมีเหตุผลในแบบที่เราคิด และทำมาตลอด มันก็ดูจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะคอนแคลน และไม่ค่อยน่ามั่นใจเท่าไหร่ และเป็นความรู้สึกว่าไม่จริง
ถ้าเราเห็นโครงสร้างของชีวิตอันนี้ ชีวิตนั้นจะเริ่มเปิด Dimension ที่ผมบอก ก็คือ Dimension ของปัญญา ที่เกิดขึ้นจากชีวิตที่ไม่ต้องเลือก
...
ผมสอนให้เราแจ่มแจ้งความจริงที่มันปรากฏอยู่ในชีวิตของเรา เช่น ผมบอกว่า ชีวิตของเรามีสัมพันธภาพ มีปฏิสัมพันธ์กับหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน พี่น้อง และหลายอย่างเราต้องเลือกในการดำเนินชีวิต
แต่คนเราไม่เห็นโครงสร้างของการเลือกว่า มันเป็นทุกข์ยังไง มันคอนแคลนยังไง มันยังไม่จริงยังไง
นี่คือประเด็นสำคัญ เพราะคนเราไม่เคยเห็นความเป็นอย่างนี้ของมัน เราจึงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แบบนี้ ตลอดเวลา
และนั่นก็เป็นที่มาของ...เมื่อเราเลือกอะไรบางอย่างแล้ว ทิฏฐิ ความเชื่อ ความยึดมั่นในสิ่งที่เราเลือก ก็ก่อตัวขึ้น
เมื่อเราเลือก มันต้องถูก เมื่อเราเลือก เรามีเหตุผล
เราต้องเห็นทั้งหมดนี้ เห็นนัยยะบอกมันว่า โครงสร้างชีวิตที่ดูเหมือนจะธรรมดา ที่เราใช้กันอยู่ และมันก็ไม่มีอะไรผิด ใคร ๆ เค้าก็ทำแบบนี้ ใคร ๆ ก็ต้องมีเหตุผล ต้องรู้จักเลือก
เราใช้ชีวิตตื้น ๆ แบบนั้น เราจึงไม่เห็นโครงสร้างใหญ่แบบนี้ ว่ามันส่งผลอะไรบ้าง
เพราะฉะนั้น ผมอยากให้พวกเราทุกคนแจ่มแจ้งกับชีวิต เช่นตัวอย่างแบบนี้ จากเล็ก ๆ เรื่องธรรมดาในชีวิต แต่แจ่มแจ้งโครงสร้างของมันทั้งหมด ว่ามันสร้างอะไรบ้างที่เป็นผลเสีย หรือที่ผมพูดว่า เป็นทิฏฐิ ความยึดมั่นทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิต และเราเห็นทั้งหมดนั้น
มนุษย์คนนึงเมื่อเห็นทั้งหมดนั้น สมอง หัวใจ ชีวิต มันรับรู้ รู้สึกถึงทางตันของมัน ที่มันเคยทำอย่างนี้ตลอดชีวิต
แล้วมันจึงสามารถมีความสร้างสรรค์ที่จะเปิด Dimension ใหม่ของชีวิตขึ้นมา ที่ผมเรียกว่า “ปัญญา”
#Camouflage
06-04-2567
Tuesday Apr 23, 2024
358.อิสรภาพในการมีชีวิต
Tuesday Apr 23, 2024
Tuesday Apr 23, 2024
บรรยายเมื่อ 06-04-2567
358.อิสรภาพในการมีชีวิต
การปฏิบัติธรรมจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อคนเรามีความสามารถจะมีชีวิตจริง ๆ ได้
และความสามารถจะมีชีวิตจริง ๆ ได้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ เราแจ่มแจ้งความครอบงำทั้งหมดที่มีอยู่ในชีวิตของเรานี้เอง
และความสามารถจะแจ่มแจ้งความครอบงำทั้งหมดที่มีในชีวิตของเรานี้เอง นั่นคือ การที่คนคนนึงรู้จักตัวเอง
การรู้จักตัวเองจึงไม่ตกอยู่ภายใต้จิตใจของมนุษย์คนหนึ่ง ที่ตัดสินตัวเองด้วยคำพูดบางอย่าง ความหมายบางอย่าง และมีนัยยะซ่อนเร้น ที่อยากจะดีกว่านี้ซ่อนอยู่
การรู้จักตัวเอง ไม่ใช่ว่ามันดี มันมีเหตุผล มันควรจะทำ…ไม่ใช่เรื่องแบบนั้น
สำหรับผม #การรู้จักตัวเอง ไม่ใช่วิธีการ ไม่ใช่สิ่งที่ใครสักคนบอกผมว่าควรจะทำ แต่ผมรู้จากชีวิตของผมเลยว่า ชีวิตมนุษย์คนหนึ่งจะต้องมีชีวิตจริง ๆ แค่นั้น
การจะมีชีวิตจริง ๆ แค่นั้น ไม่ใช่การที่ผมจะกลายเป็นอะไร แต่เป็นแค่ความรู้สึกว่า ผมมีอิสรภาพในการมีชีวิต ไม่ใช่อิสรภาพที่ผมจะไปทำอะไรก็ได้
แต่เป็นชีวิตที่พ้นจากความครอบงำทั้งหมดที่สังคม โลกมนุษย์นี้ ให้กับเราตั้งแต่เด็กจนโต
และความที่ชีวิตสามารถมีอิสรภาพแบบที่ผมพูดได้ นั่นคือ “ชีวิตมีอิสรภาพ ไม่ใช่ผมอิสรภาพ” นั่นคือสัจธรรมสูงสุดของชีวิตนี้
อิสรภาพนั่นเอง คือตัวแทนของนิพพาน สิ่งที่เราอยากจะไปถึง สิ่งที่เราถวิลหา และมองว่ามันเป็นยังไง ให้ความหมายมันว่าเป็นยังไง ในเงื่อนไขต่าง ๆ นานา เช่น ไม่มีตัวตน ไม่มีกิเลส หรืออะไรก็ตามที่เราให้ความหมายกับมันว่าบริสุทธิ์หรืออะไรก็ว่าไป สิ่งที่เราคิด ไม่ใช่สิ่งนั้น
ความว่าง หรือนิพพาน คือ สิ่งที่โอบอุ้มทุกสิ่งทุกอย่าง ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นอิสระ
นั่นหมายความว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในจักรวาลนี้ ไม่มีใครสักคนให้เงื่อนไขกับมัน ไม่มีใครสักคนควบคุมมัน ไม่มีใครสักคนตัดสินมัน
มันมีอิสรภาพที่จะก่อเกิด กำเนิด ตาย และแปรเปลี่ยน ไปได้อย่างหลากหลาย อย่างที่ไร้ข้อจำกัด และนั่นคืออำนาจของนิพพาน
อิสรภาพสูงสุดของชีวิต จึงเป็นตัวสะท้อนนิพพาน
และนั่นคือความหมายที่ผมบอกว่า ทำไมผมถึงสอนให้ทุกคนแค่รู้จักตัวเอง
เรานึกว่าการจะไปถึงนิพพาน เราต้องปฏิบัติธรรมในหลากหลายรูปแบบที่เราเคยเรียนมา ไม่ว่าสายไหน นิกายไหน
แต่มันแอบซ่อนความที่เราจะเป็น เราจะเอาอะไรบางอย่าง การแอบตัดสินสิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ซ่อนอยู่ตลอดเวลา เราต้องเห็นแบบนั้น
#Camouflage
06-04-2567
Tuesday Apr 16, 2024
357.รู้จักตัวเอง
Tuesday Apr 16, 2024
Tuesday Apr 16, 2024
บรรยายเมื่อ 06-04-2567
การรู้จักตัวเอง ต้องการแค่อย่างเดียว คือ ความใส่ใจต่อตัวเองอย่างสูงสุด ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคืออะไร?
ใส่ใจต่ออิทธิพลต่าง ๆ ของคำพูดคนอื่น ว่ามันให้อิทธิพลต่อเรายังไง? เราถูกผลักไปทางโน้นที ทางนี้ที ได้ยังไง?
ไม่มีอะไรจะผลักเราได้ ถ้าเราไม่เอาดี
เราถูกผลัก เพราะเราตัดสิน เราตัดสินว่าไม่ดี พอไม่ดี...เราก็จะเอาดี
การรู้จักตนเอง คือ การเห็นกระบวนการผลักดันทั้งหมดนี้ แต่มันเป็นเรื่องที่เหนื่อย
มันใช้พลังงานความใส่ใจต่อชีวิตมาก ที่จะหลุดพ้นจากความลวงหลอกทั้งหมด ที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิต
เมื่อรู้จักตัวเอง ชีวิตที่แท้จริง หรือการที่คนคนนึงมีความสามารถที่จะมีชีวิตจริง ๆ ได้ จะเริ่มผลิบานออกมา จะเริ่มเปิดเผยออกมา
แล้วเราจะเริ่มแยกออกระหว่าง “ชีวิตที่เป็นจริง” กับ “ชีวิตที่อยู่ภายใต้ความครอบงำ” ทั้งหมด ตั้งแต่เราเกิดจนถึงตอนนี้
...
การรู้จักตัวเอง คือ ความสามารถในการเป็นคนดีที่แท้จริง คนดี ไม่ใช่อยู่ตรงข้ามกับคนไม่ดี นั่นเป็นคนดีในโลก
ความดีที่แท้จริงเกิดขึ้นจากการที่คนคนนึงรู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ ความดีถึงจะเกิดขึ้น
ความดีเกิดขึ้นจากอริยสัจ 4 จากการรู้จักตัวเอง
แต่คนดีในโลก เกิดขึ้นจากเกลียดคนนั้น...เค้าไม่ดี เกิดขึ้นจากการตัดสินคนนั้น...เค้าไม่ดี
ฉันจะไม่เป็นแบบนั้น เพราะฉะนั้น ฉันเป็นคนดี
คนดีที่เกิดขึ้นจากคนไม่ดี ก็คือ คนไม่ดีเหมือนกัน พอ ๆ กัน
“ดี” ของเรา อยู่ตรงข้ามกับ “ไม่ดี” เสมอ
แต่แท้จริง มันคือสิ่งเดียวกัน
เราไม่เคยให้ความดีนั้น ผลิบานขึ้นมาจากการรู้จักชีวิตที่แท้จริง ว่ามันคืออะไร
#Camouflage
06-04-2567
Monday Mar 25, 2024
356.หัวใจที่พร้อมจะรับเคล็ดลับวิชาสูงสุด
Monday Mar 25, 2024
Monday Mar 25, 2024
บรรยายเมื่อ 15-05-2565
อาจารย์ : ศาสนาพุทธเป็นสากล ไม่ใช่เรื่องพิสดาร ไม่ใช่เรื่องแบบที่เราคิดว่า โอ้ย เรานั่งทำสมาธิไม่ได้ เรามีสติไม่ได้ หรือเราไม่มีสติ เราหลงเยอะ ...เข้าใจมั้ย ไม่ใช่เรื่องแบบนั้น ทั้งหมดนี้เป็น#เรื่องอุดมคติที่เราจะไปถึง ซึ่งนั่นไม่ใช่
เราอยากจะเปลี่ยนตัวเอง...เราถามตัวเองว่าเราจะเปลี่ยนตัวเองจากที่นี่ไปที่นั่นได้ยังไง และการปฏิบัติธรรมน่าจะช่วยเราได้ ที่เราจะไม่เป็นอย่างนี้ เราจะดีกว่านี้ เข้าใจมั้ย นี่คือสิ่งที่นักปฏิบัติธรรมหรือคนที่จะเข้ามาปฏิบัติธรรมคิดว่า การปฏิบัติธรรมจะให้เราแบบนั้น
ผมถามว่า ถ้ามันไม่ใช่แบบนั้นล่ะ เราจะปฏิบัติธรรมมั้ย?
เอ : สำหรับหนู หนูก็จะปฏิบัติธรรมค่ะ
อาจารย์ : เพราะอะไร?
เอ : หนูก็ไม่รู้ค่ะ แต่หนูก็จะปฏิบัติค่ะ
อาจารย์ : ถ้าการปฏิบัติธรรมจะไม่ได้เปลี่ยนเราให้ดีกว่านี้เลย เราก็จะปฏิบัติธรรมหรอ?
เอ : หมายถึงว่าเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงหรอคะ
อาจารย์ : ไม่ใช่แย่ลง หมายถึงไม่เปลี่ยนเลย สมมติว่าไม่เปลี่ยนเลย เป็นแบบนี้แหละ
เอ : ถ้าไม่เปลี่ยนเลย เราก็ไม่ปฏิบัติดีกว่า
อาจารย์ : นั่นคือแปลว่าเราปฏิบัติธรรมเพื่อหวังจะได้อะไรใช่มั้ย?
เอ : เอิ่มมม ใช่ค่ะ
อาจารย์ : เรามีความอยากจะได้อะไรใช่มั้ย? นั่นใช่การปฏิบัติธรรมมั้ย?
เอ : ไม่ใช่ค่ะ
อาจารย์ : เพราะฉะนั้น ก่อนที่เราจะปฏิบัติธรรม เราต้องเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมคืออะไรกันแน่
เอ : ค่ะ เพราะว่าหนูยังไม่เข้าใจ หนูยังไม่เคลียร์ ยังมองภาพรวมไม่ออกว่ามันคืออะไร พอยังมองภาพรวมไม่ออก และถ้าเราเดินต่อ ความเข้าใจเรามันก็จะผิด
อาจารย์ : โอเค ถ้าการปฏิบัติธรรมคือการที่ไม่ได้ไปต่อ…จะเป็นยังไง ลองคิดดูว่า ไม่ใช่การเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่การเดินต่อ …มันจะเป็นยังไง
เอ : หมายถึงว่าถ้าการปฏิบัติธรรมไม่ใช่การเดินต่อใช่ไหมคะ งั้นนนน...มันก็ต้องมีทางอื่น
อาจารย์ : ทางอื่นเรียกว่าเดินต่อเหมือนกัน
เอ : งั้นก็ต้องอยู่กับที่สิคะ
อาจารย์ : อืมใช่ อยู่กับที่ อยู่กับที่แล้วจะเหลืออะไร?
เอ : อยู่กับที่…มันก็ต้องไม่มีอะไร ผลลัพธ์มันก็ต้องเท่าเดิม…รึเปล่าคะ มันไม่มีมากขึ้น ไม่มีน้อยลง
อาจารย์ : อืม เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยู่กับที่ เห็นมั้ยว่าสมองเราคิดไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราคิดออกได้แต่ว่า ถ้าอยู่กับที่ก็ไม่มีความก้าวหน้า ไม่มีการเจริญขึ้นในทางที่ดี และก็ไม่ใช่จะไม่ดีด้วยถ้าอยู่กับที่ สมองเราคิดตรรกะในเชิงนั้นออก ถูกมั้ย
สมองเราคิดไม่ออกว่าในความเป็นจริงแล้วการอยู่กับที่นั้นจะเกิดอะไรขึ้น และนั่นคือการที่ทำไมนักปฏิบัติธรรมถึงไม่ยอมอยู่กับที่ เพราะเขาคิดไม่ออกว่ามันจะไปต่อยังไง เจริญก้าวหน้ายังไง เขาจึงไม่ยอมอยู่กับที่ และเขาจึงเลือกที่จะปฏิบัติธรรมในเชิงที่เขาจะเปลี่ยนตัวเองจากที่นี่ไปที่นั่น และนั่นทั้งหมดไม่ใช่การปฏิบัติธรรม...งงมั้ย?
เอ : ไม่งงค่ะ
อาจารย์ : มนุษย์ทุกคนจะทำทุกอย่างตามเหตุผลที่ตัวเองคิดออกเท่านั้น เพราะฉะนั้น ที่ผมถามว่า ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย...จะทำไหม?
ถ้าเราบอกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย สมองจะบอกว่าเราไม่ได้อะไรเลย เราจะไม่ทำ
เพราะฉะนั้น กระบวนการปฏิบัติธรรมของมนุษย์เราอยู่ภายใต้เงื่อนของตรรกะและเหตุผลตลอดเวลา เราจึงไม่เคยได้ปฏิบัติธรรมกันเลย เราไม่ได้ทำสิ่งที่เรียกว่าปฏิบัติธรรมจริงๆ เราแค่ทำกิจกรรมที่คล้ายๆ สิ่งที่เรียกว่าการปฏิบัติธรรมเฉยๆ
#การมีชีวิตที่สิ้นหวัง การใช้ชีวิตที่ไม่มีความหวังใดๆเลย #คือหัวใจที่พร้อมจะรับเคล็ดวิชาสูงสุด
หัวใจที่สิ้นหวังคือหัวใจแห่งปัจจุบัน เป็นหัวใจที่พร้อมจะเปิดรับธรรมะสูงสุด คืออริยสัจ 4
แต่ถ้าเรามีทางไปต่อ นั่นคือทุกก้าวในทุกวันของเรา...มีหวัง
เพราฉะนั้น หัวใจนั้นเราได้มันหรือยัง?...เราไม่ได้ เราเข้ามาในวัด เข้ามาในสำนัก มีแต่คนบอกให้เราไปทำแบบนี้แล้วเดี๋ยวจะดีกว่านี้ ไปฝึกแบบนี้แล้วเดี๋ยวสติจะเร็วกว่านี้ ทำอย่างนี้แล้วเดี๋ยวจะมีสมาธิได้ดีขึ้น ทำอย่างนี้แล้วเดี๋ยวจะไวขึ้น รู้ทันมากขึ้น
ทุกอย่างให้อนาคตกับเรา และหัวใจที่อยู่ในอนาคตคือหัวใจที่ปิด
เพราะฉะนั้น ที่เมื่อกี้ผมถามว่า ถ้ามาปฏิบัติธรรมแล้วไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ไปต่อ ไม่ได้อะไร แล้วจะยังปฏิบัติไหม?
เอ : ก็ยังปฏิบัติค่ะ
อาจารย์ : เพราะอะไร?...เพราะน่าจะได้ไป ใช่มั้ย? ถูกมั้ย ลึกๆ เรารู้สึกอย่างนั้น ก็อาจารย์บอกแล้วนิ ถ้าหัวใจเราไม่ไปต่อเนี่ย เดี๋ยวเราจะได้แน่ๆ ได้เคล็ดลับวิชาสูงสุด ถูกมั้ย
คำตอบที่ทุกคนรู้แล้ว หรือทุกคนก็รู้แล้วแต่ลืมไปแล้ว ผมจะพูดใหม่...ต่อให้ไม่ได้อะไร เราก็ยังปฏิบัติธรรม ก็เพราะว่า #การปฏิบัติธรรมนั้นคือชีวิตที่แท้จริง…มันเป็นจริง มันเป็นชีวิตจริงๆ ไม่ใช่ชีวิตลวงๆ ที่อยู่ภายใต้ความคิด การตัดสิน ของคู่ทั้งหลาย
เมื่อเรารู้จักชีวิตจริงๆ เรากลับไปใช้ชีวิตลวงๆไม่ได้ เราจึงจำเป็นจะต้องปฏิบัติธรรม แม้ว่าจะไม่ได้อะไรก็ตาม
เพราะฉะนั้น เรารู้แล้วว่า 43 ปีที่ผ่านมานั้นไร้สาระ การที่เราจะมีพลังใจที่จะมีชีวิตจริงๆ #เราต้องรู้จักว่าชีวิตที่เป็นอยู่ไม่มีสาระ...เราต้องแยกออก ทันทีที่เราแยกออก เราจะรู้เลยว่าชีวิตต้องการอะไร ชีวิตต้องอยู่แบบไหน ต้องทำอะไร
#เรื่องเหล่านี้จะต้องใช้ปัญญาของเราเอง ไม่ใช่การโน้มน้าวชักชวน หรือไปตามบรรยายกาศของกลุ่มหรือของใครก็ตาม เพราะนั่นจะเป็นเรื่องชั่วคราว
#แต่ถ้าเรารู้จักว่ามันคือชีวิตจริงๆ
#มันจะไม่ชั่วคราวอีกต่อไป
Camouflage
15-05-2565
Wednesday Mar 20, 2024
355.ทั้งหมดคือกับดัก
Wednesday Mar 20, 2024
Wednesday Mar 20, 2024
บรรยายเมื่อ 18-11-2566
355.ทั้งหมดคือกับดัก
เราจะค้นพบชีวิตที่ลุ่มลึกขึ้น ลึกซึ้งขึ้น มันยิ่งกว่าความที่เราอยากจะได้ “ความไม่ทุกข์”
ชีวิตลุ่มลึกแบบนั้น ไม่ได้สามารถหาได้ในไอเดียของ “ความปลอดภัย”
เราอาจจะไปทำเรื่องโง่ที่สุดเรื่องหนึ่ง ที่ไม่น่าเชื่อเลยว่านักปฏิบัติธรรมอย่างเราจะไปทำ แล้วมันให้ทุกข์กับเรามาก แต่นั่นอาจจะเป็นเพชรเม็ดงาม ที่ทำให้ชีวิตนี้เกิดปัญญาขึ้น จากความทุกข์นั้น
การปฏิบัติธรรมนั้น ไม่มีขอบเขต ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีไอเดียล่วงหน้าว่า ชีวิตควรจะอยู่ตรงไหน ยังไง แบบไหน ตามที่เราเคยสั่งสมมา รับมาทั้งหมด
เพราะนั่นหมายความว่า เราวาดภาพชีวิตไว้ทั้งหมดล่วงหน้าแล้ว แล้วเราเดินตามนั้น และทั้งหมดนั้นคือ “ความคิด”
ผมถึงบอกว่า การที่เราจะมีชีวิตจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่าย
เรานึกว่า ชีวิตจริง ๆ คืออะไร? คือการที่ได้ทำตามใจตัวเองอะไรก็ได้??? `มันไม่ได้ง่ายแค่นั้น
การมีชีวิตจริง ๆ หมายถึงว่า คนคนหนึ่งแจ่มแจ้งในเงื่อนไข ความครอบงำ ของกรอบ ไอเดียทุกอย่าง ที่มันอยู่ในสมองเรา
การพ้นมา ไม่ใช่แค่การที่บอกว่า “อ๋อ อาจารย์บอกว่าต้องออกมา”…ไม่ใช่แบบนั้น
แต่หมายถึง แจ่มแจ้งว่าทั้งหมดนั้น มันเป็นความครอบงำ ที่ไม่จริง ด้วยตัวเราเอง
ไม่ใช่เพียงแค่ อาจารย์บอกว่า “ไอ้นี่ไม่จริง ให้ออกมาเลย” แล้วเราก็ออก นั่นเป็นความเชื่อใหม่ นั่นแปลว่าเราไม่ได้แจ่มแจ้งอะไรเลย เราแค่เชื่อผมเฉย ๆ
เราต้องแจ่มแจ้งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิต
ทุกอย่างคือ “กับดัก”
#Camouflage
18-11-2566
Monday Mar 18, 2024
354.ปัจจุบันของเรา เป็นแค่ภาพที่เราสร้างขึ้น
Monday Mar 18, 2024
Monday Mar 18, 2024
บรรยายเมื่อ 18-11-2566
เรามีภาพสิ่งที่ควรจะเป็น และนั่นคือความขัดแย้ง และนั่นคือเหตุแห่งทุกข์
ชีวิตของมนุษย์เรามีปัญหา เพราะเรามีเป้าหมาย
เป้าหมาย คือ ภาพที่เราคิดเอาไว้ว่า เราควรจะฉลาดกว่านี้ เราควรจะอ่าน แล้วก็รู้เรื่องมากกว่านี้
ภาพนั้นเกิดขึ้นได้ ก็เพราะว่าเราเชื่อว่า “มีเราจริง ๆ”
แล้วพอเราเชื่อว่า กายกับใจนี้ เป็นเรา มีเราจริงๆ มันอยากให้ทุกอย่าง ดีหมดทุกอย่าง เช่น ต้องฉลาด ต้องสวย ต้องแข็งแรง ต้อง...ทุกอย่าง
เพราะฉะนั้น ปัญหาของมนุษย์เรา คือ เราไม่สามารถอยู่ปัจจุบัน อยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้
แต่ปัญหามากกว่านั้นก็คือ มันมี “เรา” อยู่กับปัจจุบัน
เหมือนที่พี่บอกเมื่อกี้นี้ว่า เราไม่อยู่กับปัจจุบัน เรามีภาพที่เราอยากจะเป็น เราก็เลยทุกข์ ถ้าเราแค่อยู่กับปัจจุบันนี้...ก็ไม่มีอะไร
ปัญหาถัดมาก็คือ เวลาเราบอกว่า “เราอยู่ปัจจุบัน เรามีเงื่อนไขไหม?” เช่น ถ้าเราอยู่กับปัจจุบัน เราไม่ควรจะต้องรู้สึกทุกข์
นึกออกมั้ยว่า ปัจจุบัน มันเหมือนเป็นสิ่งที่ดี เวลาเราฟังคำสอนว่า “ปัจจุบัน”…มันต้องดีสิ มันต้องไม่มีทุกข์ หรือว่าไม่ปรุงแต่ง เราคิดแบบนั้น
ความคิดเหล่านั้นเกิดขึ้นได้ เพราะว่ามันมี “เรา” อยู่กับปัจจุบัน มันไม่พ้นว่ามีสิ่งที่ควรจะเป็น เราคิดว่า ถ้าเป็นปัจจุบัน มันควรจะเป็นอย่างนี้...อย่างนี้...อย่างนี้
เราไม่เข้าใจว่า ปัจจุบัน ก็คือ ปัจจุบัน
มันเป็นยังไง ก็เป็นอย่างนั้น แต่เรามีเงื่อนไขกับมัน
...
ทุกวันนี้เรามาปฏิบัติธรรม ทำไม?
ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ เราจะพ้นทุกข์ ซึ่งผมบอกว่า ไม่ใช่
ถ้าเรามาด้วยเป้าหมายนี้ ทั้งหมดที่เราฟัง เราจะเอาไปทำผิดหมดทุกอย่าง เพราะไม่ว่าธรรมะอะไรก็ตามที เราจะใช้เซ็นเตอร์คือ “ตัวเรา” นี้เป็นคนแปลความหมาย แล้วเราแปลความหมายสิ่งต่าง ๆ ได้แต่ในทางดีเท่านั้น เพราะเราจะเอา
แม้คำว่า “ปัจจุบัน” ที่เราคิดว่า เราเข้าใจได้ง่าย ๆ แต่เราไม่เข้าใจ เพราะเราแปลว่า “มันดี”
#Camouflage
18-11-2566
Thursday Mar 14, 2024
353.ทำไมจึงเกิดการเพ่ง
Thursday Mar 14, 2024
Thursday Mar 14, 2024
บรรยายเมื่อ 18-11-2566
วิถีชีวิตหลัก มันสร้างความหลง ซึ่งแบ่งแยกกับความรู้
และทำให้เราตั้งใจ เพราะไม่อยากหลง
แต่เรามานั่งแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ อย่าเพ่ง ปล่อย อย่าประคอง...ไม่มีวันจบ
เราไม่เข้าใจต้นตอ ของปัญหาทั้งหมด ว่าคืออะไร
#Camouflage
18-11-2566