Episodes
Friday Mar 19, 2021
217.ปัจจุบันเท่านั้นที่สำเร็จประโยชน์ได้
Friday Mar 19, 2021
Friday Mar 19, 2021
บรรยายเมื่อ 18-10-2563
ความจริงของการนั่ง
มีอยู่แค่หนึ่งเดียว
หนึ่งเดียวนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
หนึ่งเดียวนี้มีเหมือนกันทุกคน
หนึ่งเดียวนี้อยู่นอกเหนือ หรือพ้นไปจากกรอบของความเชื่อ
กรอบของทฤษฎี
กรอบของวิธีปฏิบัติ
หนึ่งนั้นคือ "ความรู้สึก"
เมื่อทุกคนนั่งลง
ทุกคนจะมีความรู้สึก
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ
เราแค่รับรู้ความรู้สึกในแต่ละขณะ
ในปัจจุบันนั้นๆ แล้วก็ผ่านไป
เราไม่รู้สึกว่าเราได้รับอะไร
เราไม่รู้สึกว่าในแต่ละขณะเราได้รับเป้าหมายอะไร
เราไม่โยงขณะที่แล้ว กับขณะนี้ และขณะข้างหน้า
เราไม่มีการสร้างเรื่องราวให้กับการนั่งสมาธิ
เราเหลือแค่ขณะนี้
แล้วก็ขณะนี้
แล้วก็ขณะนี้
เมื่อเราเข้าถึงความจริง คือ ขณะนี้
เราจะเริ่มรู้สึกว่าการปฏิบัติธรรมนี้ แท้จริงไม่ต้องทำอะไร
เมื่ออยู่กับแค่แต่ละปัจจุบันแล้วหมดไป
ไม่โยงอดีต ไม่ไปอนาคต
รับรู้แค่ขณะนี้
แล้วก็ขณะนี้ แล้วก็ขณะนี้
ชีวิตเราจะปลอดเรื่องราว
เรื่องราวในชีวิตของเรา จะค่อยๆ เลือนหายไป
เมื่อเรื่องราวในชีวิตของเรา ค่อยๆ เลือนหายไป
เรื่องราวชีวิตของเขา ก็ค่อยๆ เลือนหายไป
ชีวิตเราจะค่อยๆ อยู่ในทางของความบริสุทธิ์
อยู่ในทางที่เราไม่เคยอยู่มาก่อน
เราต้องหยุดที่จะพอกพูนความเป็นเรา เรื่องราวของเรา ชีวิตของเรา
หยุดเรื่องของเราในฐานะนักปฏบัติธรรม
เหลือแค่ปัจจุบันนี้
หลวงพ่อเทียนท่านสอนว่า
"ความจริงนั้นรู้ล่วงหน้าไม่ได้"
แต่เราทุกคนเมื่อเริ่มปฏิบัติธรรม
เราตั้งธงของความคิด ความเชื่อ
และความรู้ทั้งหลายที่เราเคยเรียนมาไว้ล่วงหน้า
ถ้าเราเข้าใจว่า ความจริงนั้นรู้ล่วงหน้าไม่ได้
เราจะเข้าใจสิ่งที่เราทำมาทั้งหมด ว่าเราเปลี่ยนความจริงนั้นกลายเป็นความเชื่อ กลายเป็นความคิด
และเราปฏิบัติธรรมภายใต้ความคิดและความเชื่อนั้น
เราจะไม่มีวันพบความจริงเลย
หลวงปู่มั่นท่านเคยเทศน์ไว้ว่า มีแต่ปัจจุบันเท่านั้นที่สำเร็จประโยชน์ได้
คำสอนนี้มันตื้นจนเราละเลย
เราไปหาอะไรทำที่มันดูยากๆ ดูลึกซึ้ง
พยายามจะมีจะเป็นในสิ่งที่ดูยากๆ แล้วก็ทิ้งความจริง
ทิ้งขณะที่จะสำเร็จประโยชน์ได้ คือปัจจุบัน
เราทิ้งสิ่งที่มีค่าที่สุด ไปคว้าความคิด ความเชื่อ ความอยากของตัวเอง
เมื่อเราแค่อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับแต่ละขณะ
ผลลัพธ์ที่ได้คือ จิตนี้จะเกิดการเรียนรู้
มันจะเป็นจิตที่พร้อมจะเรียนรู้
แต่ถ้าเราพยายามจะปฏิบัติธรรม
ตามวิธีปฏิบัติต่างๆนานา ที่เราเคยเรียนมา
เราจะเป็นแค่”นักทำให้ถูก”แค่นั้น
ไม่ใช่”นักเรียนรู้”
เราจะไม่ได้ออกเดินทาง
Thursday Mar 11, 2021
216.อยู่ที่นี่
Thursday Mar 11, 2021
Thursday Mar 11, 2021
บรรยายเมื่อ 11-10-2563
เราไม่เคยมีอิสระที่แท้จริง
เราไม่รู้จักการใช้ชีวิต
เราไม่รู้ว่าชีวิตทั้งชีวิตนี้...แท้จริงคือการปฏิบัติธรรม
ความเป็นไปของชีวิตในแต่ละขณะคือการปฏิบัติธรรม...เป็นการปฏิบัติธรรมในตัวอยู่แล้ว...แต่เราพยายามเพิ่มเติมให้มัน
ข้อมูล ความรู้ ทฤษฎีทั้งหลายที่เราฟังมา คืออุปสรรคสำคัญต่อการมีชีวิตที่จะรู้แค่ขณะนี้
มีใครที่รู้ขณะนี้ หรืออยู่กับปัจจุบัน แล้วมีเป้าหมายได้บ้าง???
มีใครทำอย่างนั้นได้บ้าง???
พิจารณาประโยคที่ผมถามนี้ให้ดีๆ
แล้วเราจะรู้ว่าชีวิตการปฏิบัติธรรมของเรานั้นถูกทฤษฎี และความรู้ หรือเป้าหมาย หลอกเราออกนอกเส้นทางบ่อย และมากขนาดไหน
ความจริงนั้นไม่สามารถแสดงตัวภายใต้ความคิดได้
เมื่อเราพ้นไปจากโลกของความปรุงแต่งทั้งปวง...การเรียนรู้จึงเกิดขึ้นได้
แต่เมื่อไหร่ความคิด ความรู้ ทฤษฎีเข้ามาครอบงำ “ธรรมชาติของความเป็นไปนี้” ก็จะไม่เกิดการเรียนรู้
มันจะกลายเป็นแค่การสั่งสมความรู้ใส่ตัวเฉยๆ แล้วจะสั่งสมอัตตาให้มากขึ้น
มันจะสั่งสมเป้าหมายในชีวิตของการปฏิบัติธรรมที่มากขึ้น
เราไม่เคยอยู่แค่ที่นี่ เดี๋ยวนี้
ปราศจากทุกเป้าหมาย
ความดำรงอยู่ของชีวิตที่แท้จริง
ไม่มีเป้าหมาย...ไม่มีเลย
ชีวิตมีแค่ขณะนี้
ไม่มีใครบรรลุธรรม
มันเป็นความเป็นเอง
ทุกๆ เป้าหมายไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือใหญ่โต
มันไม่เคยอยู่ที่นี่เลย
เราจะสนใจกับภาพลวงตาทำไม
ทำไมเราไม่สนใจของที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้
ใครก็ตามที่เข้าใจในสิ่งที่ผมสอน
สิ่งที่เราจะเห็นชัดอย่างนึง ก็คือ
เราจะรู้สึกว่าชีวิตเราไม่ดิ้นรน
เราจะไม่เป็นหนูในสายพานที่วิ่งอย่างไม่มีวันจบสิ้น
ในทางกลับกัน เราจะรู้สึกว่า
เราพอแล้วกับข้อมูล
เราพอแล้วกับความดิ้นรน
เราพร้อมจะเสียสละความอยากรู้ ความอยากก้าวหน้า
เราพร้อมจะเสียสละทุกอย่างที่เราเคยคิดว่าเราควรจะมี
เพื่อจะอยู่กับที่นี่ อยู่กับขณะนี้
ขณะที่ไม่มีอะไรให้เราได้รับเลย
เราจะไปที่ไหน นอกจากที่นี่
เราจะอยู่ที่นี่ จนที่นี่แสดงความจริงอันกว้างใหญ่ไพศาลของมันอย่างไม่มีขอบเขต
#แล้วเราจะรู้จักที่นี่
เราจะรู้จักทุกความจริงภายใต้ความกว้างใหญ่ไพศาลนี้
มันจะเปิดเผยตัวออกมาเอง
ทั้งหมดบนเส้นทางนี้
คือความเป็นเอง
คือธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว
ออกมาจากโลกของความคิดปรุงแต่งให้ได้
แล้วทุกอย่างจะเปิดเผย
Monday Mar 01, 2021
215.ความรับรู้ที่บริสุทธิ์...ไม่มีภาระ
Monday Mar 01, 2021
Monday Mar 01, 2021
บรรยายเมื่อ 04-10-2020
การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การสร้างอะไรขึ้นมาใหม่
ไม่ใช่การพยายามทำให้มันมีขึ้น
“มันมีอยู่แล้ว”
ชีวิตของนักปฏิบัติมีแต่ลักษณะว่า
กูต้องทำยังไง
ต้องทำอะไรอีก
ต้องเพิ่มอะไรอีก
“เราไม่เคยหยุดที่จะทำ”
เราไม่ยอมให้”ความเป็นเอง”นั้นทำงาน
เราไม่ปล่อยให้ธรรมชาติสูงสุดอันนึง(ความเป็นเอง)แสดงความจริงของมัน
พอ”ความเป็นเอง”นั้นช้าเกินไป
เราเดือดร้อน ก็จะเกิดความคิดว่า รู้สึกไม่ก้าวหน้า จะทันมั้ยชีวิตนี้
ใจของคนนั้นเต็มไปด้วยความอยาก รอไม่ได้
ธรรมชาตินั้นพอดีของมัน
แต่ความเป็นเรานั้นรอไม่ได้
เมื่อความเป็นเรานั้นรอไม่ได้
จึงเกิดการแทรกแซง
เกิดการช่วย
เกิดการพยายามทำอะไรบางอย่าง
ทำให้กระแสของ”ความเป็นเอง”ของธรรมชาติที่กำลังขัดเกลาจิตใจนั้น จึงถูก”ความเป็นเรา”ทำลายลง
จากที่ควรจะเร็ว ก็กลายเป็นยิ่งช้า
ไม่มีใครทำให้เราช้าหรอก
มีแต่เราทำตัวเราเอง
เรามีความหวังตลอด
เรามีความหวังว่าน่าจะมีคนคนนึงช่วยเราได้ ครูบาอาจารย์ซักองค์นึงช่วยเราได้ ถ้ามีพระพุทธเจ้าในตอนนี้ก็คงช่วยเราได้
ทุกความหวังนั้นอยู่ภายใต้ความเป็นเรา แล้วเราก็ไม่เห็น...เหมือนเดิม
นี่คือความมืดสีขาวที่แนบเนียน...แนบเนียนจริงๆ
การรับรู้ที่บริสุทธิ์นั้นไม่สร้างภาระ
แต่การรับรู้ในแบบที่พยายามจะมีสติ หรือพยายามจะเข้าใจธรรมะ...สร้างภาระ มันไม่บริสุทธิ์
ความพยายามปฏิบัติธรรมที่เต็มไปด้วยความหวังจะได้อะไร มันไม่บริสุทธิ์ มันจะมีแต่ภาระที่มากขึ้น
เราจะไม่รู้สึกปลดเปลื้อง
เมื่อจิตใจนั้นปลดเปลื้องจากทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ถึงวาระที่หมดภาระ
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า
“ธรรมทั้งหลายนั้นไม่ควรยึดมั่น”
แต่ทุกวันนี้พวกเราปฏิบัติธรรมกันด้วยความยึดมั่น
ความรู้ทั้งหลายที่เราอ่าน และฟังมา กลายเป็นภาระอันยิ่งใหญ่
เราจึงแค่วางภาระสีดำลง แล้วก็ถือภาระสีขาวขึ้น แบกไว้ที่หลัง
เราไม่เข้าใจว่า
ความบริสุทธ์นั้นไม่มีภาระ
ความรับรู้ที่ปราศจากความคิด
ความหวัง
ความเปรียบเทียบกับความรู้ต่างๆนาๆ
ไม่มีภาระ
เพียงแค่วางข้อคิด ความเห็น ความรู้ทุกอย่างลงไป
แทรกตัวเข้าไปอยู่กับการรับรู้ที่บริสุทธิ์ในปัจจุบันนี้
“เราจะเข้าใจทุกอย่าง”
Wednesday Feb 24, 2021
214.สัมมาทิฏฐิโลกุตตระ
Wednesday Feb 24, 2021
Wednesday Feb 24, 2021
บรรยายเมื่อ 26-09-2563
โลกุตตระสัมมาทิฏฐินั้น
เป็นธรรมชาติที่แท้จริง
เป็นสิ่งที่ไม่สามารถอาศัย
ความเชื่อ
ความศรัทธา
หรือการฟังตามกันมาได้
เป็นสภาวะของธรรมชาติที่แท้จริง
ที่เราแต่ละคนมีอยู่แล้ว
สัมผัสมันด้วยตัวเอง
มันไม่ขึ้นกับกาลเวลา
ไม่ขึ้นกับยุคสมัย
ไม่ขึ้นกับอิทธิพลของสิ่งใดๆ ทั้งนั้น
พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า
โลกุตตระสัมมาทิฏฐินี้
จำเป็นสำหรับความหลุดพ้น
ในทุกกาลสมัย
ของมนุษย์ทุกคน
เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่เข้าใจโลกุตตระสัมมาทิฏฐินี้
เรากำลังพลาดของสำคัญที่สุดที่เราควรจะรู้
พลาดของสำคัญที่สุดที่มันมีอยู่กับเราอยู่แล้ว
ภาษาเซนเรียก พุทธะ
เรียกว่า สภาพที่พ้นจากความปรุงแต่งทั้งปวง
และเมื่อเราได้พบ ได้รู้จัก
สภาวะของธรรมชาติที่แท้จริงอันนี้
มรรคทั้ง 8 นั้นจะเหมือนล้อเกวียนที่มีซี่ต่างๆ
และมีโลกุตตระสัมมาทิฏฐินี้เป็นดุมล้ออยู่ตรงกลาง
เมื่อโลกุตตระสัมมาทิฏฐิเคลื่อนไป
มรรคทั้ง 7 จะเคลื่อนตามทันที
พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า
ธรรมชาติของโลกุตตระสัมมาทิฏฐินี้เป็นอิสระ
เป็นอิสระจากกฎเกณฑ์
หลักเกณฑ์ ข้อบัญญัติทางสังคม
ถ้าเราเริ่มต้นการปฏิบัติด้วยความไม่อิสระเสียแล้ว
กงล้อแห่งอริยมรรคหมุนไม่ได้
ถ้าการปฏิบัติของเรา
เต็มไปด้วย
ความคิด
ความเชื่อ
เงื่อนไข
#เราไม่อิสระแล้ว
Thursday Feb 18, 2021
213.ปฏิบัติธรรมภายใต้ความคิด...อดีต...อนาคต
Thursday Feb 18, 2021
Thursday Feb 18, 2021
บรรยายเมื่่อ 20-09-2563
เส้นทางที่แท้จริง
เกิดจากความไม่มีเส้นทาง
ความไม่มีเส้นทาง คือ
สภาวะที่พ้นจากความปรุงแต่งทั้งปวง
สภาวะที่อยู่นอกเหนือความคิด
เมื่อเราเข้าถึงสภาวะนั้น
ที่เรียกว่า พุทธะ
เส้นทางที่แท้จริงจะเปิดเผยออกมา
ความจริงทั้งหลายในโลก
จะเปิดเผยออกมา
ชีวิตเราส่วนใหญ่ ที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมนั้น
#เราปฏิบัติธรรมภายใต้ความคิดอีกทีนึง
เราถูกความเชื่อในทฤษฎีบางอย่าง หรือประสบการณ์ในอดีต
หลอกเราให้ติดอยู่กับอดีตนั้น
แล้วก็ไปรออยู่ในอนาคต
#เราไม่ได้แค่อยู่ที่นี่
#ชีวิตเราเต็มไปด้วยความคิด
#ชีวิตเราเต็มไปด้วยทฤษฎี
ทฤษฎีผิดมั้ย...ไม่ผิด
ถูกต้อง เกิดแล้วต้องดับ
#แต่ปัญหาคือเราไม่อยู่กับปัจจุบัน
เราปฏิบัติธรรมภายใต้ความคิด
เราจะอยู่กับอดีตและอนาคต
ตลอดเวลาบนเส้นทางนี้
เราเป็นแค่นักปฏิบัติธรรมที่อยู่ภายใต้ความเชื่อ
#เหล่านี้คือกลลวงของจิตใจ
เมื่อเราเริ่มพ้นออกจากความคิดปรุงแต่ง...อยู่ในเส้นทางสายนี้
จะไม่มีอะไรหลอกเราได้
เราจะอยู่กับปัจจุบัน พอดี
ปัจจุบันนั้นเองคือ เครื่องหมายของความจริง...ไม่ใช่ความคิด
สุญญตา คือสภาพที่ว่างจากกิเลส
ว่างจากความเป็นสัตว์ ตัวตน บุคคลเราเขา
ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น
เป็นสภาพที่พ้นจากความปรุงแต่งทั้งปวง
สุญญตานั้นไม่ใช่ความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย
สุญญตานั้นมีทุกอย่าง
แต่ว่างจากความยึดมั่นถือมั่นในทุกอย่างนั้น
#ความจริงนั้นเป็นเรื่องอยู่ใกล้ตัว
เพียงเพราะความลวง
หรือความคิดของเรานั่นเอง
ปิดบังทุกอย่างเอาไว้
เราเลยหาความจริงไม่เจอ
Tuesday Feb 09, 2021
212.ซื่อ...ลืม...ศิลปะอันยิ่งใหญ่
Tuesday Feb 09, 2021
Tuesday Feb 09, 2021
บรรยายเมื่อ 20-09-2563
เรียนรู้การปฏิบัติที่ถูกต้อง
แล้วลืมมันไปให้หมด
คำว่านั่งสมาธิ คือแค่นั่งเฉยๆ
ซื่อๆ กับการนั่งเฉยๆ
เราซื่อกับการนั่งเฉยๆ มั้ย
อย่าให้ความรู้
อย่าให้ทฤษฎี
อย่าให้หลักปฏิบัติใดๆ
แทรกแซงความซื่อนั้น
อย่าให้ความซื่อบริสุทธิ์นั้นถูกเจือปน
อย่าทำของที่บริสุทธิ์อยู่แล้วให้มันไม่บริสุทธิ์
อย่าเติมสีขาวลงไป
อย่าพยายามจะมี หรือพยายามจะเป็นอะไร
ซื่อกับการนั่งเฉยๆ
แล้วเราจะรับรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในกายในใจนี้
อย่างซื่อๆ
วางความคิดทฤษฎีทั้งหลายที่ร่ำเรียนมา
อย่าใช้ความคิดนำชีวิต
ใช้ความซื่อนำชีวิต
ธรรมชาติที่แท้จริงนั้นใสซื่อ
เพราะความใสนั้นเอง จึงเกิดความซื่อ
แต่นักปฏิบัติธรรมเราไม่ใส
มันก็เลยไม่ซื่อ
เราปฏิบัติธรรม เต็มไปด้วยข้อมูล
เต็มไปด้วยวิธีการ
...........................
ในบางครั้งเรารู้สึกตัวขึ้นมาเองได้
หลายครั้งเรารู้ว่าจิตใจนี้เป็นอย่างไรอยู่
หลายครั้งที่เราไม่มีความคิดอะไร
หลายครั้งที่เมื่อความคิดเกิดขึ้น...ไม่มีการเข้าไปปรุงแต่งกับมัน
หลายครั้งเกิดการรู้การเห็นขึ้นมา โดยที่เราไม่ตั้งใจจะปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติที่แท้จริง
เกิดจากการที่เราวางความรู้ทุกอย่างลงไปแล้ว
แล้วเหลือการใช้ชีวิตที่ถูกหลอมรวม
วิถีการใช้ชีวิตตามหลักปฏิบัติที่ถูกต้องกลมกลืนอยู่ในนั้น
เรียกว่า ศิลปะอย่างยิ่ง
แต่พอเราคิดจะปฏิบัติธรรม
เราหยิบฉวยทุกอย่างขึ้นมาเป็นของเรา...เกิดความตั้งใจ
#เราทิ้งศิลปะอันยิ่งใหญ่นั้น
แล้วเราก็ใช้ชีวิตการปฏิบัติ
ตามความคิด ตามความรู้
การปฏิบัติของเรา
จึงอยู่แต่ภายใต้ความคิด
ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติที่พ้นจากความคิด
หลอมรวมคำสอนทั้งหมดเข้าไปในใจ...ไม่ใช่ความคิด
แล้วเราจะรับมือทุกอย่างที่จะเกิดในชีวิตเราอย่างไหลลื่น
กิเลสมากเท่าไหร่ ทุกข์มากเท่าไหร่
จะยิ่งเพิ่มพลังและความสามารถที่เรียกว่า สติ สมาธิ ปัญญาในใจดวงนี้
นี่คือศิลปะอันยิ่งใหญ่ในการปฏิบัติธรรม
แล้วเราจะเข้าใจการหลอมรวมการปฏิบัติทั้งหมดลงไปในชีวิตประจำวันได้
เราจะเข้าใจวิถีชีวิตใหม่
เราจะเข้าใจการใช้ชีวิตที่หลอมรวมความรู้ทุกอย่างลงไปแล้ว
อะไรเป็นความเชื่อ?
อะไรเป็นความจริง?
รู้มั้ยว่าความจริงเป็นอย่างไร
เวลากินข้าวอิ่ม ต้องมีคนบอกมั้ยว่าอิ่มแล้ว
ถ้าอิ่มแล้ว แล้วมีคนบอกว่าไม่อิ่ม
จะเชื่อเขามั้ย
ความจริงคือ
สิ่งที่เราสัมผัส และรู้ได้ด้วยตัวเอง
ส่วนความรู้ ไม่ว่าจะดีแค่ไหน
ถ้าเรายังไม่เคยสัมผัสได้ด้วยตัวเองตามความรู้นั้นๆ
มันก็ยังเป็นแค่ความเชื่อ
ความเชื่อนั้นอาจจะถูก
แต่ถ้าเราใช้มันไม่เป็น
มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เราถูก”เป้าหมาย”
ครอบงำชีวิตการปฏิบัติธรรมของเรา...ทำให้เราไม่ซื่อ
เราจึงกลายเป็นคนฉลาด
ไม่ใช่คนซื่อ
เรากลายเป็นคนเก่ง
ไม่ใช่คนซื่อ
เรากลายเป็นคนที่รู้ทฤษฎีทุกอย่าง
ไม่ใช่คนซื่อ
เราขาดคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดต่อความเจริญที่แท้จริง
เรามีแต่คุณสมบัติของ”ความเป็นคน”
ความซื่อนั้น
เป็นความเป็นกลางอย่างยิ่ง
ความเป็นกลางอย่างยิ่งนั้น
เป็นสมาธิอย่างยิ่ง
เราขาดแค่ความซื่อ
เราจะขาดทุกสิ่งทุกอย่าง
เราวิ่งตามหาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เราวิ่งตามมาทั้งชีวิต
(แต่)เราหาออกนอกตัว
พระพุทธอยู่ที่ไหน
อยู่ที่ความรู้ตื่น เบิกบาน
ในใจดวงนี้
พระธรรมอยู่ที่ไหน
อยู่ที่ความจริงที่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานได้เห็นแล้ว
คือ ใจดวงนี้
เมื่อใจดวงนี้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ที่เห็นความจริง ที่เรียกว่าธรรมะแล้ว
ความเป็นพระสงฆ์ก็เกิดขึ้นในใจดวงนี้
จิตใจที่เป็นปกติ
ว่างจากกิเลส
ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น
ในขณะนั้นๆ ความเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เกิดขึ้นในใจเรา
นี่คือที่พึ่งของเรา
นี่คือพระรัตนตรัยของเรา
พึ่งพระรัตนตรัยในใจดวงนี้
Thursday Feb 04, 2021
211.รู้หนึ่ง...รู้ทั้งหมด 2
Thursday Feb 04, 2021
Thursday Feb 04, 2021
บรรยายเมื่อ 12-09-2563
เรามีหนังสือ “ความสงบท่ามกลางความเคลื่อนไหว”
แล้วเราจะเข้าใจสิ่งที่หลอกเราได้
Tuesday Feb 02, 2021
210.รู้หนึ่ง...รู้ทั้งหมด 1
Tuesday Feb 02, 2021
Tuesday Feb 02, 2021
บรรยายเมื่อ 26-08-2563
ภาวะรู้ก่อนที่ความคิดจะเข้าครอบงำจิตใจ
ไม่มีอะไร ที่จะต้องบรรลุถึงอะไร
Monday Jan 25, 2021
209.ภาวะ...ก่อนความมีเราจะเกิดขึ้น
Monday Jan 25, 2021
Monday Jan 25, 2021
บรรยายเมื่อ 25-08-2563
อย่าพยายามที่จะเป็นอะไร
อย่าพยายามจะมีอะไร
อย่าพยายามจะไม่เป็นอะไร
และก็อย่าพยายามที่จะไม่มีอะไร
ผมพูดจบ 4 คำนี้ แล้วเหลืออะไร
พวกเรามีคำตอบมั้ย
พวกเราทุกคนคงมีคำตอบว่า
เหลือแค่รู้สึก เหลือแค่กิริยารู้
เป็นรู้ที่ไม่ต้องพยายาม
เป็นรู้ที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา
เป็นรู้ที่มีอยู่แล้ว
ชีวิตเราเหลือแค่นี้ได้มั้ย
เหลือแค่ภาวะที่มีอยู่ก่อนที่ความเป็นเราจะเกิดขึ้น
เมื่อความเป็นเราเกิดขึ้น
กิเลส ตัณหา ความอยากทั้งหลาย
จะตามมาปรุงแต่งความเป็นเรานั้นให้ยุ่งเหยิงวุ่นวาย
ความรู้สึกตัว หรือความรู้สึก หรือแค่รู้สึก
ก่อนที่ความเป็นเราจะเกิดขึ้น
มีความถูก มีความผิดมั้ย
มีความก้าวหน้า มีความถอยหลังมั้ย
มีความรู้ว่าเรากำลังมีสติมั้ย
มีความรู้ว่าเรากำลังมีสมาธิมั้ย
มีความรู้ว่าเรากำลังมีปัญญามั้ย
เราอยากเข้าถึงความจริง
แต่เราอยู่ภายใต้ความปรุงแต่งทั้งหมด
เมื่อเราเกิดขึ้น...ทั้งหมดทั้งยวงต่อจากนั้นคือความปรุงแต่ง
ภาวะ...ก่อนที่ความมีเราจะเกิดขึ้น เหลืออะไร
ที่นั่นสงบ ที่นั่นสันติ
ที่นั่นเป็นสมาธิ ที่นั่นตั้งมั่น
แต่ไม่มีเรา ไม่มีใคร
เราอยู่แค่นั้นได้มั้ย
เมื่อเราหยุดแสวงหา
เราจะได้ทุกอย่าง
ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติจะเกิดขึ้น
เมื่อไม่มีเราเข้ามาแบ่งแยกมัน
เสียสละ Identity ของตัวเองได้มั้ย
ถ้าเราเสียสละ Identity ของเราได้
เหลือแค่การรับรู้ทีละขณะ ทีละขณะ ทีละขณะ
รู้โดยที่ไม่รู้สึกว่าได้อะไรเลย
รู้โดยที่ไม่รู้อะไร
มีความรู้สึกแค่รู้เฉยๆ
แค่ยังสามารถรับรู้อะไรได้อยู่
อะไรอะไรนั้น ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นอะไร...ไม่สนใจ
สิ่งทั้งหลายนั้นเป็นแค่อะไรก็ตามที่กำลังถูกรู้อยู่
และภาวะรู้นั้นกำลังทำงานอยู่
เมื่อชีวิตเราอยู่กับภาวะรู้...ก่อนหน้าที่ความเป็นเราจะเกิดขึ้น
เราจะสัมผัสชีวิตใหม่
ชีวิตที่หยุดการแสวงหา
ชีวิตที่ไม่ดิ้นรน
ชีวิตที่มีสติ มีสมาธิ
ชีวิตจะมีหน้าที่และวินัย
หน้าที่และวินัยจะไม่ใช่ของยาก
จะกลายเป็นของธรรมดา
จะเป็นเรื่องง่าย
จะรู้สึกว่าชีวิตนั้นเป็นเรื่องง่าย
ง่าย...เพราะไม่มีตัณหา
Tuesday Jan 19, 2021
208.เปิดโอกาส...ธรรมชาติรู้
Tuesday Jan 19, 2021
Tuesday Jan 19, 2021
บรรยายเมื่อ 15-08-2563
..เป้าหมายกลายเป็นอุปสรรค
กลับกลายเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา
Tuesday Jan 12, 2021
207.ศิลปะของความไม่ต้องทำอะไร
Tuesday Jan 12, 2021
Tuesday Jan 12, 2021
บรรยายเมื่อ 28-06-2563
เราแค่เรียนรู้ศิลปะของการที่ไม่ต้องทำอะไร ... เราทำมาแล้วทั้งชีวิต
เราไม่เคยฝึกศิลปะของความที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
ศิลปะแห่งความไม่ต้องทำอะไร
ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย
เรายังต้องกิน เข้าห้องน้ำ ขับถ่าย อาบน้ำ แปรงฟัน อยู่อาศัย ใช้ชีวิต
แต่เราไม่ได้กินตามความอยาก
เรากินตามความพอดี
เราอยู่อาศัยอย่างพอดี
เราใช้ชีวิตอย่างพอดี
เราใช้ชีวิตนี้ ประคองรักษาชีวิตนี้
เพียงเพื่อที่จะพออยู่ได้
เพื่อจะใช้มันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการเรียนรู้ศิลปะของความที่ไม่ต้องทำอะไร จนความจริงของชีวิตนี้เปิดเผยออกมา
เมื่อเราเข้าถึงศิลปะของความไม่ต้องทำอะไร
ความจริงจะเปิดเผยออกมาทันที...ไม่ต้องรอนาน
ศิลปะของความที่ไม่ต้องทำอะไร เป็นความพอดีของชีวิต
เราอาจจะเคยพลาดพลั้งทำอะไรไปบ้าง
นั่นคือการเรียนรู้ว่าส่วนเกินของชีวิตเป็นยังไง
เมื่อเราโกรธ ส่วนเกินของชีวิตก็ได้เกิดขึ้น
เมื่อเราอยาก ส่วนเกินของชีวิตก็ได้เกิดขึ้น
เมื่อเราพอใจ หรือไม่พอใจ ส่วนเกินของชีวิตก็ได้เกิดขึ้น
เราไปอ่านไปฟังคำว่าปล่อยวาง เราก็จะทำ
เราไปอ่านไปฟังว่าต้องไม่ยึดมั่นถือมั่น เราก็จะทำ
เราไปอ่านไปฟังว่าต้องไม่ต้องให้ค่ากับอะไรๆ เราก็จะทำ
และเราพอใจ...ที่เราได้ทำ
“เรา” อยากจะได้อะไรบางอย่างจากการทำเสมอ
“ตัวเรา” นี่แหละ ตัวปัญหา
เราฟังอะไรมา เราก็เอามาสร้างปัญหาให้กับตัวเอง
อะไร”ดี”เราจะเอาหมดทุกอย่าง
เราจะเห็นว่ามันตรงข้ามกับศิลปะของความที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
แล้วเราจะปฏิบัติธรรมอย่างไร
ถ้าเราไม่เข้าใจตรงนี้
วิธีการดูง่ายๆ
ชีวิตการปฏิบัติธรรมของเรา
ยังมีความหวังมั้ย
ยังอยากจะก้าวหน้ามั้ย
ยังอยากดีกว่านี้มั้ย
ยังเดือดร้อนมั้ย
ยังดิ้นรนมั้ย
ถ้ายังมีความรู้สึกแบบนี้จิตใจ
มันหนีไม่พ้นการทำ มันจะทำอย่างเนียนที่สุด...เหมือนไม่ทำอะไร
ความพยายามทั้งหลายที่เราคิดว่าดี
คืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของการปฏิบัติธรรม
เราสนใจความพยายามที่ดีเหล่านั้นมาก
เพราะว่ามีเรา มีใครคนนั้น
อยู่เบื้องหลังความพยายามทั้งหมด
และใครคนนั้นนั่นแหละที่ทำให้เราบรรลุธรรมไม่ได้
ลองคิดดูว่า ชีวิตต่อจากนี้ของเรา เหลือเพียงแค่กิริยารู้
รู้แค่ปัจจุบันนี้ ขณะนี้
แล้วเราจะมีความหวังอะไรได้
เหลือแค่รู้เพียวๆ
รู้ที่ปราศจากความรู้ทุกอย่างที่เคยเรียนมา
ทิ้งความรู้ทุกอย่างไปให้หมด
เหลือแต่ความรู้เพียวๆ ในขณะนี้ แค่นั้น
แล้วความรู้ที่แท้จริงถึงจะปรากฏขึ้นมา
คำว่า "รู้โดยที่ไม่ต้องรู้อะไรเลย"
เป็นกิริยาที่ฆ่าความเป็นเรา
ฆ่าความอยากจะรู้
บดขยี้ความกระหายในความที่อยากจะมีความรู้
ซึ่งเบื้องหลังก็คือ "เรา" นั่นเอง
Monday Jan 04, 2021
206.รู้...ที่ถูกความปรุงแต่งนำทาง
Monday Jan 04, 2021
Monday Jan 04, 2021
บรรยายเมื่อ 17-05-2020
ค่อยๆ หาให้เจอธรรมชาติที่เป็นอิสระ
เป็นรู้ที่เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ
Thursday Dec 24, 2020
205.พ้นออกจากโลกของความคิดปรุงแต่ง 2
Thursday Dec 24, 2020
Thursday Dec 24, 2020
บรรยายเมื่อ 02-05-2563
เราปฏิบัติธรรมเพื่อออกจากสังสารวัฏนี้
และเราต้องออกตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ขณะนี้
คือออกจากความคิดปรุงแต่งทั้งปวง
เพียงแค่เราพ้นออกจากความคิดปรุงแต่งทั้งปวง
สังสารวัฏจะถล่มลงต่อหน้าทันที
ความถูกความผิด ปฏิบัติถูก ปฏิบัติผิด
จิตถูก จิตผิด จิตฟุ้งซ่าน จิตสงบ
ของเป็นคู่ๆ ทั้งหลายจะถล่มลงต่อหน้าทันที
เหลือเพียงสภาพที่เรียกว่า รู้
เหลือเพียงกิริยาที่เรียกว่า ปัจจุบัน
เมื่อเราไม่อยู่ในอดีต ไม่อยู่ในอนาคต
นั่นคือเส้นทางที่พระพุทธเจ้าสอนเราทุกคน
ปัจจุบันจะเกิดขึ้นได้ เราต้องพ้นจากอดีต จากอนาคต
พ้นจากความปรุงแต่งทั้งปวง
ถ้าเราไม่หยุดอยู่แค่การรับรู้ เราจะปรุงแต่ง
ปรุงแต่งว่า นี่ถูกหรือผิด
นั่นคือเรา นั่นคือสังสารวัฏของนักปฏิบัติธรรมเกิดขึ้น
เราแค่เปลี่ยนโลก
เปลี่ยนจากโลกๆ นึงที่เราเคยอยู่
มาเป็นโลกของนักปฏิบัติธรรม
ซึ่งก็เป็น โลก เหมือนเดิม
เพียงแค่เราพ้นออกจากโลกของความคิดปรุงแต่งทั้งปวง
การปฏิบัติที่แท้จริงจะเกิดขึ้น
การปฏิบัติที่แท้จริงจะเริ่มต้น จะดำเนินไป
และไม่มีเราเป็นผู้ทำอะไรทั้งนั้น
เราจะเป็นเพียงแค่คนที่รู้...รู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น
และไม่เข้าไปเป็น ไม่โดนลากไป
ไม่โดนดึงดูดไป จนปรุงแต่งความเป็นเราขึ้นมา
แต่ถ้าถูกลากไปแล้ว ความเป็นเราเกิดขึ้นแล้ว
รู้ทันว่าตอนนี้เราได้อย่ในโลกของความคิดปรุงแต่งแล้ว
ให้รู้ทัน รู้ทันแล้วจะถอนตัวออกมา อยู่ในทาง
ทางของความพ้นออกจากโลกของความปรุงแต่งทั้งปวง
เรามีหน้าที่แค่นี้ตั้งแต่ตื่นจนหลับ
Wednesday Dec 09, 2020
204.พ้นออกจากโลกของความคิดปรุงแต่ง 1
Wednesday Dec 09, 2020
Wednesday Dec 09, 2020
บรรยายเมื่อ 02-05-2563
เราอยู่ในความคิดมาทั้งชีวิตแล้ว
Sunday Nov 08, 2020
203.คำสอนปรมาจารย์ตั๊กม้อ
Sunday Nov 08, 2020
Sunday Nov 08, 2020
บรรยายเมื่อ 29-08-2563
คำสอนท่านปรมาจารย์ตั๊กม้อ : "ตราบใดที่ท่านยังไม่เข้าใจพุทธะที่แท้จริง หนทางที่ท่านเดินก็ยังคงเป็นหนทางที่ได้สร้างกรรมให้กับตัวเองอยู่ร่ำไป หนทางนี้จะพาให้ท่านต้องไปเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนั้นถึงแม้ว่าท่านจะไม่เต็มใจก็ตามที
แต่เมื่อท่านได้ประจักษ์แล้วถึงความเป็นธรรมชาติที่แท้จริง ธรรมชาตินี้จะพาท่านหยุดสร้างกรรมและไม่ต้องไปตายไปเกิดอีกต่อไป
แต่ถ้าท่านไม่พบความเห็นแจ้งอันคือธรรมชาติแห่งตนนี้ ไม่เห็นธรรมชาติแห่งการตื่นออกมาจากการหลับไหลมืดมิด ท่านก็จะไม่พบพระพุทธเจ้าเลย และไม่มีวันที่จะได้รู้จักความเป็นพระพุทธเจ้าที่แท้จริงเลย ต่อให้ท่านต้องปฏิบัติอย่างหนักหน่วงจนทำลายตัวเองให้เป็นผุ๋ยผงย่อยยับไปเลยก็ตาม"