Episodes
Tuesday Sep 20, 2022
289.ชีวิตที่ไร้บัญญัติ
Tuesday Sep 20, 2022
Tuesday Sep 20, 2022
บรรยายเมื่อ 12-02-2565
289.ชีวิตที่ไร้บัญญัติ
คำว่า “ดี” ที่เราเชิดชูกัน ที่เราให้คุณค่ากับบางสิ่งบางอย่าง มันจริงไหม?
“ดี” มันใช่ “จริง” ไหม?
ศาสนาพุทธ ถูกครอบงำด้วยคำว่า “ดี” มากกว่า “จริง”
ศาสนาพุทธถูกโลกและสังคมกลืนไปด้วยความดีมากกว่าจริง จริงหายไป ดีมาเป็นใหญ่แทนในศาสนาพุทธ
บรรยากาศนี้ทำให้เหล่านักปฏิบัติธรรมจึงค้นไม่พบความจริง เราติดอยู่กับความเชื่อหลายอย่าง และ “ดี” คือหนึ่งในนั้น
ผมว่าเราทุกคนเมื่อเข้ามาปฏิบัติธรรมจะได้ยินคำสอนว่า เราต้องปฏิบัติธรรมเพื่อจะรู้ว่าความจริงคืออะไร เราต้องปฏิบัติธรรมเพื่อจะเห็นโลกนี้ตามความเป็นจริง
ฟังผมให้ดี…คำสอนกำลังบอกเราว่า “เราต้องมาปฏิบัติธรรม เพื่อจะเห็นความจริง”
เพื่อจะเห็นความจริง…นั้นแปลว่าอะไร?
ความจริงอยู่ในอนาคต ความจริงอยู่ข้างหน้า เราคนนึงจะต้องปฏิบัติซักอย่างนึงที่เรียกว่า “วิธีปฏิบัติ” เพื่อจะไปรู้ว่าอะไรคือความจริงที่อยู่ข้างหน้า ที่อยู่ในอนาคต อีกไกลแสนไกล
นี่คือคำสอนผ่านภาษาที่เราได้รับ และเราทุกคนคิดแบบนั้นว่า โอเค เราต้องปฏิบัติธรรมก่อน เราต้องพยายามมีสติ มีสมาธิ มีนู่น มีนี่ มีนั่น เพื่อที่วันนึงเราจะเห็นความจริงได้
แต่ความจริงคือ “ขณะนี้”…#ความจริงคือขณะนี้เลย
ขณะแห่งการรับรู้ที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ และไม่มีระยะทางที่จะเข้าถึงมัน
เป็นชีวิตที่ไร้กาลเวลา เหนือกาลเวลา เป็นชีวิตที่เป็นอกาลิโก นี่คือความจริง นี่คือจริง มันไม่ได้อยู่ข้างหน้า มันไม่อาศัยการปฏิบัติเพื่อจะไปถึงมัน มันอยู่ที่นี่อยู่แล้ว
เราถูกหลอกด้วยภาษา ด้วยความหมายของมัน และเราเชื่อสนิทใจว่า เราต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะพบความจริงที่อยู่ข้างหน้านั้นให้ได้
นี่คือหายนะของวงการการปฏิบัติธรรม...ที่เราทุกคนเข้าใจแบบนั้น นี่คือโศกนาฏกรรมของนักปฏิบัติธรรม
ความหายนะที่เราไม่เห็นโครงสร้างของชีวิตของเรา ว่าติดอยู่กับความหมายของคำสอน ถ้อยคำ เรายึดติดอยู่กับมัน
ชีวิตทั้งชีวิตที่เป็นจริง จึงกลายเป็นชีวิตที่เป็นความเชื่อ เป็นความยึดมั่น กับความเชื่อสักอย่างนึง
เราไม่เคยมีชีวิตจริงๆ...ไม่เคยเลย
เราถูกความหมายของคำสอนที่เราอ่านที่เราฟังเป็นตัวนำทางชีวิต
ชีวิตเราคับแคบ เพราะเราถูกครอบงำด้วยความหมายของบางสิ่งบางอย่างที่เราเชื่อ
.
มันมีเราคนนึง แยกออกจากสิ่งที่ถูกรู้ต่างๆนั้น ว่ามันเกิดและดับ ว่ามันเป็นไตรลักษณ์ เราคนนี้ไม่เคยหายไปเลย
ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าเห็นตามความเป็นจริง คือทั้งหมดนี้ต้องเกิดและดับ เป็นไตรลักษณ์ ไม่ใช่เหลือเราหรืออีกสิ่งหนึ่งที่เป็นคนคอยรู้ว่ามันเกิดและดับ
นี่คือผลลัพธ์จากชีวิตที่เราทำตามความหมายของคำสอนซักอันนึง
เราใช้ความคิด แปลความหมายของคำสอนนั้น แล้ว “ทำ”
ทำไมเราทำแบบนั้น? เพราะเราเชื่อว่าความหมายของคำสอนนั้นถูก
ผมถามอีกว่า แล้วเราจะเชื่อได้ยังไง? เราอาจจะมีเหตุผลว่าเพราะๆๆๆๆ
ถามตัวเอง…มันคือความเชื่อที่ซ้อนไปเรื่อยๆใช่ไหม?
เราไม่เคยเหลือแค่ชีวิตจริงๆ #ชีวิตล้วนๆจริงๆที่ไม่มีเรา ไม่มีไอเดียของความเป็นเรา ไม่อยู่ภายใต้ความหมายของวิธีปฏิบัติใดๆ เหลือแค่กายและจิตนี้ เหลือแค่นี้จริงๆ
แล้วชีวิตนั้นจะเป็นการรู้ ที่ไม่ใช่เราคอยรู้ หรือเราต้องทำอะไรให้มันรู้
แต่ชีวิตนั้นเป็นการรู้ และเป็นการเกิดแล้วก็ดับ แล้วก็เป็นความเปลี่ยนแปลง ทนอยู่สภาพเดิมไม่ได้ เป็นไปตามเหตุและปัจจัย ไม่มีใครซักคนอยู่ที่นั่น นี่คือการเห็นตามความเป็นจริง นี่คือการเห็นความเกิดดับ
#ชีวิตเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว...แค่เราหายไป
ความเกิดและดับ อนิจจัง ทุกขังและอนัตตา เป็นการขยายความความเป็นเช่นนั้นเอง ขยายออกมาเพื่อให้เราเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้นเองนี่เป็นยังไง
ชีวิตที่ไร้บัญญัตินั้นมันไม่มีความหมาย มันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นอย่างนั้นเอง แม้กระทั่งคำว่าเป็นเช่นนั้นเองหรือเป็นอย่างนั้นเอง ก็คือความพยายามอธิบายชีวิตที่แท้จริงนั้นให้เป็นความหมายเฉยๆ
#แค่รู้จักชีวิตที่ไร้บัญญัติ เราจะรู้จักทุกอย่าง
แต่ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน? เราอยู่ที่ความหมายว่าชีวิตเป็นเช่นนั้นเอง เราอยู่ที่ความหมายของการขยายความคำว่าเป็นเช่นนั้นเองว่า มันเกิดแล้วก็ดับ มันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ทนสภาพเดิมไม่ได้ เป็นไปตามเหตุและปัจจัย
เราอยู่ที่ความหมายของสิ่งที่ถูกขยายออกมาๆ เรื่อยๆ เราอยู่ที่นั่น เราไปทำสิ่งๆนั้น
เราพยายามเห็นสิ่งสิ่งนั้นที่เป็นคำขยายจากชีวิตที่ไร้บัญญัติเฉยๆ
เข้าใจที่ผมพูดไหม? เราอยู่คนละที่กันอย่างสิ้นเชิง เราอยู่กันคนละโลก
ผมเคยบอกว่าเราพยายามทำสิ่งที่ไม่ต้องทำ แล้วไม่ทำสิ่งที่ต้องทำ…เป็นแบบนี้
ถ้าเรายังไม่เข้าใจชีวิตที่แท้จริงนั้นเป็นชีวิตที่ไร้บัญญัติ เราจะอยู่ที่นั่น เราจะใช้ชีวิตที่อยู่ในความหมายบางอย่างที่เราเชื่อ แล้วเราจะพยายามจะไปถึงความหมายนั้นที่เราเชื่อ และนั่นคือโลก เราอยู่ในโลกเหมือนเดิม ต่อให้เรียกว่าปฏิบัติธรรมอยู่ ก็คืออยู่ในโลก...โลกของนักปฏิบัติธรรม เราแค่เปลี่ยนโลกเฉยๆ เรายังไม่อยู่เหนือโลก
เพราะฉะนั้น #ชีวิตที่ไร้บัญญัติคือขณะนี้ นี่คือจริง
แล้วขณะนี้จบไป ขณะใหม่เกิดขึ้น ขณะใหม่จบไป ขณะใหม่เกิดขึ้น
ชีวิตที่ไร้บัญญัตินั้นเป็นความเกิดดับอยู่แล้ว เป็นความเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ชีวิตทั้งชีวิตเป็นสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว
จริงมีแค่นี้ นอกเหนือจากนี้คือไม่จริง
.
เมื่อชีวิตนั้นเป็นจริงแล้ว คำอธิบายทั้งหมดเกี่ยวกับคำสอนในการปฏิบัติธรรม มันอยู่ที่นี่
มันไม่ใช่เราสักคนนึง...แสวงหาความจริง วิ่งไปตามความหมายเหล่านั้น ทั้งหมดนั้นไม่จริง
เราเคยได้ยินคำสอนว่า ธรรมะที่แท้จริงคือ การปิดปากเงียบ หุบปากเงียบ…คือแบบนี้
เพราะถ้ามันออกไปจากปากแล้ว ทั้งหมดมันไม่จริงแล้ว มันเป็นความหมายในความคิดของเรา และเราจะไปที่นั่น ไปตามความหมายนั้น และนี่คือสิ่งที่นักปฏิบัติธรรมทุกวันนี้ทำกัน...ทำแบบนี้
แม้ว่าเราจะสามารถไปตามความหมายเหล่านั้น เราก็จะเป็นเหมือนพระอนุรุทธะที่ผมเคยเล่าให้ฟังหลายครั้ง ที่ท่านสามารถเห็นโลกธาตุเกิดดับได้อย่างมากมายในชั่วลัดนิ้วมือเดียว แต่ท่านไม่สามารถจะบรรลุธรรมได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องแบบนั้น
นี่คือผลลัพธ์จากชีวิตการปฏิบัติธรรม ที่อยู่ภายใต้ความหมายของบัญญัติ ภาษา คำสอน ชีวิตที่ยึดมั่นอยู่กับความหมายเหล่านั้น และนั่นไม่ใช่ชีวิตที่แท้จริง
เรามีหน้าที่เดียว #ที่จะต้องรู้จักชีวิตที่แท้จริงว่าคืออะไร
แล้วชีวิตที่เหลือทั้งหมด จะเป็นการปฏิบัติธรรม
#Camouflage
12-02-2565
Comments (0)
To leave or reply to comments, please download free Podbean or
No Comments
To leave or reply to comments,
please download free Podbean App.